วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

“ความงดงามที่น่าสะอิดสะเอียน” The Neon Demon

                The Neon Demon


 (2016,Nicolas Winding Refn )


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์

Cool film , The best visual of the year

บทความนี้อ่านได้ครับ ไม่สปอย

คงจะเป็นหนังแห่งปีสำหรับเราอีกเรื่อง เชียร์ให้ไปถึงออสการ์เลยนะ อย่างแรกเลยนะครับ เราตกตะลึง ไปกับงานภาพ การสรรสร้าง องค์ประกอบศิลป์ต่างๆ วิธีการตัดต่อ รวมไปถึงการใช้แสง หลาย scene เราถึงอ้าปากค้าง แม่งจัดจริงครับ บอกเลย นี่คืองานใหม่สุดเปรี้ยวของ Nicolas winding ผู้กำกับ หนังพีคๆอย่าง Drive , Only god forgive เราว่าพี่แกไม่ได้เพลาความหนักมือในเรื่องของความจิตเลยนะ แต่สำหรับ The Neon demon แกคงใส่ใจในเรื่องของ การ design ศิปล์อย่างมาก เหมือนชื่อเรื่องและโครงPot หลักๆ ที่นำเอาประเด็นความสวยงามของของผู้หญิงมาเล่น มาชำแหละให้คนดูเห็นถึงแก่นลึกเลยก็ว่าได้

วิเคราะห์ ชำแหละและ ผ่าซีก

หนังมันพูดถึง โลกของผู้หญิง ตัวแทนของความสวยงาม ถ้าเราพูดถึงมนุษย์เพศหญิง เราจะมองเห็นทั้งสองด้านครับ ด้านแรกเราจะนึกเห็น คือ ความอ่อนโยน ความงาม ตัวแทนในด้านบวก อีกด้านคือ ความริษยา ความร้ายกาจ ตัวแทนในด้านลบ เหมือนที่มนุษย์เพศชายบอก ผู้หญิงสวยได้สองแบบ แบบนางฟ้า กับ แบบนางมารร้าย แล้วแต่ว่าสถานการณ์และอารมณ์ตอนนั้นจะเป็นแบบไหน หรือแม้แต่กุหลาบสวยแต่ก็ยังมีหนาม

นอกจาก หนังพาไปสำรวจด้านมืด ความวิปริตของเพศหญิงแล้วนั้น หนังยังเปรียบเปรย ถึง เรื่องของ นางแบบ อาชีพที่ถูกมองว่า เป็นคล้ายตัวแทนหุ่น รูปปั้นที่เดินได้ ถูก make up เสริมแต่งตาม concept ที่ต้องการ แต่งให้ร้ายมันก็ร้าย แต่งให้แปลกมันก็แปลก แต่งให้สวยสง่าก็งดงามดีเชียว เราจึงมองคล้ายกับ ไอ้พวก make up อะไรต่างๆ เหมือนกับการฉาบตัวตนที่ไม่ใช่ real ของเราจริงๆ ภายใต้สิ่งที่ห้อหุ้มไว้ ความสวยงามที่ดูยโสหลอลกลวง ที่กลบเกลื่อนธรรมชาติแท้ของคนเรา เปลือกนอกเรามองอีกอย่าง ตัวจริงก็อาจเป็นคนละเรื่อง เราจึงบอกว่าไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า ความงามที่เรามองเห็นอยู่ นั้นบางทีอาจกลายเป็นสิ่งที่ดูน่ากลัว น่าขยะแยง เฉกเช่น ตัวละครผู้หญิงนางแบบในเรื่อง การที่มี make up บนหน้า มันก็อยู่แค่บนผิวหนัง แต่ เลือดเนื้อจริงๆของเรานั้นอยู่ภายในร่างกาย ซึ่งตรงนี้หนังมันก็สะท้อนออกมาได้อย่างชัดเจน หลายๆฉาก Runway นางแบบ, เก้าอี้กำมะหยี่หรูหรา, ทองคำที่ทาทับตัวนางเอก , สีสันไฟต่างๆมันก็ถูกคนเราประดิษฐ์ และ set มันขึ้นมาอีกที ผมถึงบอกว่าใน The Neon demon เต็มไปด้วยสิ่งที่ เสริมแต่ง สร้างหลอกและลวงธรรมชาติตัวตนเรา หรือแม้กระทั่ง ผู้หญิงในเรื่อง ยังมองหน้ากันด้วยเสียตาที่ดู fake ไม่จริงใจ คำถามต่างๆที่ เสียดสี แทงใจกัน

พูดถึงการดำเนินเรื่องนั้น เราว่าหนังสอบผ่านฉลุย ทุกนาทีเราว่าหนังสามารถพาเราไปเจอะไรต่างๆที่เราไม่สามารถคาดเดาได้เลย ด้วยบรรยากาศ soundtrack หลอนๆ ความป่วยไข้ต่างๆของตัวละคร ซึ่งมีหลายทีที่หนังพาเราไปถึงจุดที่โครตจะบ้ามาก ยังงงอยู่ว่าหมอนี่มันเอาเราขนาดนี้เลยเหรอ


รวมๆ ถือเป็นงานที่ดีที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้ครับ สำหรับ The Neon demon ถ้าไม่มีเรื่องไหนมาเหนือเมฆอีกนะ เราว่านี่แหละคงจะเป็น Oscar ในใจเราไปเลย ดูเถอะครับผมไหว้และ


ระดับความชอบ A




วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2559

“คุณเป็นเพียงแค่คนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกอยากตื่นขึ้นมาในทุกๆเช้า” Me Before you


Me Before you



“คุณเป็นเพียงแค่คนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกอยากตื่นขึ้นมาในทุกๆเช้า”

(U.k, Thea Sharrock, 2016 )

บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์



โหหนังดีจัง ถึงจะเป็น Sad story ก็เหอะ แต่หลายๆโมงยามในหนังก็โครตจะโรแมนติก ชวนฝัน อย่างเหลือเชื่อ ทำเอาเราจั๊กกะจี๋หลายๆ ตรงเลยทีเดียวเลยครับ ด้วยความที่มันเป็นหนังที่ดูจะเศร้าสร้อย ตัวละครพระเอกเป็นบุคคลทุพพลภาพ แต่เราว่า Me before you มันพยายามเดินอยู่ในกรอบทางหนังแบบ rom- com โลกสวย ตลกบ้าง ไม่ฟูมฟายมาก พูดง่ายๆคือ ให้กำลังใจคนดูและตัวละครอย่างมีความหวัง เหมือนตอนเราดู Fault in Our stars "จงมีความหวังในวันที่สิ้นหวัง จงหัวเราะให้ดังสุดขีดในวันที่น่าจะร้องไห้ จงอยู่ให้เหมือนเป็นอมตะในวันที่ใกล้ตาย จงลุกขึ้นสู้ในวันที่หมดแรง " ประมาณนี้

Love Change The world or World must be love

ความรักเปลี่ยนแปลงโลกหรือโลกต้องมีความรักเป็นองค์ประกอบ

มีหลายๆคนเคยพูดว่า ความรักนั้นสามารถเลี่ยนแปลงโลกได้ อันนี้ผมเชื่อนะ ถ้าเราศรัทธาและมองเห็นมันจริงๆ เราว่ามันเป็นสิ่งที่แสนวิเศษและสวยงามมาก รักยังเป็นยาที่สามารถบรรเทา Disease อาการเจ็บป่วยได้ โรคต่างๆ ได้ แน่นอน ความรักตามพื้นฐานจะไมสามารถบรรเทาความเจ็บป่วยทางกายได้แน่ แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยทุเราความเจ็บป่วยทางใจของคนเราได้บ้าง อาจไม่ได้ถาวรแต่ก็ชั่วคราว ก็ยังดีที่เราไม่มีรักและปล่อยให้ตัวเราเน่าเปื่อยผุพังแบบไม่มีใครเลยจริงมั้ย แล้วถ้าผมยังจะบอกต่อไปว่า แท้จริง ความรักอาจไม่ได้มีอำนาจพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลก แต่ความรักเป็นเพียงสิ่งเล็กๆที่รอให้คนเรานั้นมองเห็น เพราะมันอยู่ในโลกใบนี้อยู่แล้วละคงจะไม่ผิดใช่ไหมครับ

ถึงแม้ว่าหนังพยายามจะ built ความโรแมนติกออกมาพาฝันคนดู แต่เราก็หนีไม่พ้นสารเศร้าๆและชะตากรรมโหดร้ายของ วีล (พระเอก)ที่ต้องประสบพบเจอไปไม่ได้แน่ นั่นคือ กฎข้อบังคับที่คนดูต้องรับรู้ วันนึงเคยทำอะไรได้ด้วยตัวเองทุกอย่าง พอตื่นมาอีกวันพบว่าเราคือ Disable people เป็นแค่มนุษย์รถเข็น ลองคิดดูสิว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน เราจะหัวใจสลายกับตรงที่ วีลเคยบอกกับ ลู (นางเอก) ว่า ผมอยากอยู่กับคุณนะ แต่คุณไปใช้ชีวิตซะเถอะ มันโครตจะทรมานเลยเมื่อเราทำอะไรให้คนที่เรารักไม่ได้ เราไม่สามารถกอด ไม่สามารถมีอะไรด้วยได้ ทั้งที่ใจเราอยาก ใจเราสั่งแต่ร่างกายเราไม่สั่ง ตรงนี้ทำเราเจ็บปวดในสารความรักของผู้ป่วยจัง

ตัวละครการแสดง 
เราชอบ นางเอกนะ เราว่าบุคลิกเธอมันพูดเก่งจัง เรารู้สึกดูแล้ว เหมือนเธอทำให้โลกใบนี้สดใสตลอดเวลา ติดอย่างเดียว ถ้าเกิดตัวละครตัวนี้ เปลี่ยนเป็นโหมดเสียใจฟูมฟายขึ้นมาเมื่อไหร่ ความรู้สึกเราว่ามันคล้ายการแสดงเกินไป ดูไม่ธรรมชาติ จุดนี้เราว่า เธอดูประดักประเดิดไป พูดง่ายๆอีกทีเธอเหมาะแก่การเล่นเป็นคนมีความสุขมากกว่า

การถ่ายทำมุมกล้อง 

เราไปอัศจรรย์ใจตรงฉากตอน ที่งานแต่งของแฟนเก่าพระเอก ฉากตอนที่ ลู กับ วีล เต้นรำแล้วกล้องโฟกัสหมุน 360 องศาให้ดูเหมือนวีลกำลังเต้นรำอยู่แบบคู่รักปกติ ฉากนั้นเราตะลึงมาก พร้อมบทสนทนาสวยๆที่หลุดจากปากของตัวละครทั้งสอง

Comedy ชนะเลิศ น่ารักและกรุ้มกริ่ม 

อาจจะมีไม่กี่ฉากนักที่หนังใส่ความตลกน่ารักมา แต่เรียกว่าออกมาแต่ละหมัดทำเราอมยิ้มผลิบานกันเลยทีเดียว ชอบตอนที่พระเอกแซวชุดที่นางเอกใส่ ชอบตอนให้ของขวัญระหว่าง อีตานักวิ่ง แฟนนางเอก กับ วีล ชอบมุขตอนที่พระเอกย้อนอีตานักวิ่ง 555 สะใจมาก ขำ
โดยรวมเลยละกัน จะมองเอาตามจริง Me before you ก็เป็นหนังน้ำเน่าได้นะ ตัวละครมาหลงรักกันในช่วงเวลาไม่กี่วัน พระเอกพิการนางเอกมารับใช้แล้วเกิด fall in love กัน แต่ถ้าจะน้ำเน่า และฉากสวยน่ารักแบบนี้ เรายอมวะเอาใจคนดูอย่างเราไปเลย ชอบมากครับ

ระดับความชอบ A



จักรวาลที่ไร้ความรู้สึก” Equals

 Equals



 จักรวาลที่ไร้ความรู้สึก” 

(Drake Doremus,2016 )


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


เป็นหนังที่เท่เอามากๆ ทั้งด้านงานภาพ การดีไซต์ มุมกล้อง sound รวมไปถึง plot อะไรจะเข้าทางเราแบบนั้น จะว่าไป equals นี่คือหนังรักธรรมดาแต่ด้วยชั้นเชิงการนำเสนอการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครที่ดูแยบยลของผู้กำกับ ทำให้มันกลายเป็นหนัง รักคัลท์ๆ ที่เก๋และแปลกมาก คล้ายๆสารเคมีที่ค่อยซึมลึกและแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายคนดูหนังอย่างเราเลยก็ว่าได้ครับ

หนังมันพูดถึงโลกอนาคต ที่ทุกอย่างดู ไฮเทคไปหมด มนุษย์ทุกคนใส่ชุดขาวล้วน กินอาหารตามตารางและกลับบ้านเป็นเวลา ทำงานพวกวาดภาพประกอบ ชีวิตผู้คนไม่ต่างอะไร กับ หุ่นยนต์ เหมือนมีโปรแกรมคำสั่งติดตัวตลอด ไม่ค่อยมีการ reaction ซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ไร้ความรู่สึกและอารมณ์ พระเอกกับนางเอก คือ สิ่งแปลกปลอม บนดาวโลกดวงบ้าๆนี้ ที่พวกเขายังมีความรู้สึก และอารมณ์ ทำให้ถูกจับตามองจากผู้คนในเมือง collective ว่าคือ ผู้ป่วยที่ต้องรักษาและกำจัดออกไป ฟังดูโหดร้ายนะ ในเรื่องพวกเขาเป็นโรค S.O.S (โรคตื่นรู้) จะสังเกตได้ว่า ในหนังจะเห็นไม่กี่คนที่มีปฏิกิริยาต่อสิ่งแวดล้อมและผู้คน หนึ่งในนั้นก็มี พระเอก กับ นางเอก นอกนั้นเป็นเหมือน cyborg ในร่างมนุษย์ทั้งหมด เดินเหิน แบบไม่สนใจใคร เมื่อสิ่งแปลกปลอมอย่าง พระเอกกับนางเอกที่ต่างคนต่างมีความรู้สึกมาเจอกัน จึงเกิด reaction ขึ้น ความรัก และพยายามที่จะออกจากโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนไร้ความรู้สึกให้ได้

โหเอาจริงนะ เราโครตจะชอบและตื่นเต้นไปกับ การดีไซต์ฉากและมุมกล้องแบบนี้เลย ภาพในหนังคล้ายๆ สีแบบ Neon color มืดๆ สลัวๆเหมือนอยู่ในห้อง Lab มันดูประดิษฐ์มากสีในหนังฝันๆฟุ้งๆ บางฉากก็เหมือนเราเห็นแค่เงาของพระเอกและนางเอกแต่โดนอมสีเอาไว้ คือ ดีงามครับบอกเลย

วิเคราะห์ถึงแก่นอารมณ์มนุษย์ และประเด็นเสียดสี

Emotion คือ อารมณ์มนุษย์ที่แสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ รัก โกรธ กลัว เสียใจ เหงา ในหนังบอกเราว่า ถ้าโลกในวันข้างหน้า มนุษย์จะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ตายด้าน ถูกทอดร่างและจิตใจให้ไร้ความรู้สึกและอารมณ์ และคล้ายกับหุ่นยนต์เข้าไปทุกวัน หนังยังแอบเสียดสีถึงสังคมที่คนเราล้วนโหยหา แต่เทคโนโลยี เทคโนโลยีที่เข้ามาคุกคามระบบความคิดความเป็นมนุษย์ปกติ คนเราถูกป้อนข้อมูลในแต่ละวันด้วยคอมพิวเตอร์ สังคม social ข่าวสารต่างๆ ซึ่งผิดบ้างถูกบ้าง มนุษย์ถูกสิ่งเหล่านี้ล้างสมองจนแยกแยะเหตุและผลอารมณ์จริงๆไม่ถูก หนังแอบเสียดสีตรงที่ว่า ในโลกแห่งความสมัยใหม่เทคโนโลยีนี่คือ ภัยพิบัติคือหายนะมาทำลายความเป็นมนุษย์เรามากๆ คนเราถูกกระแสของเทคโนโลยีให้เดินตามเหมือนกันหมด ยิ่งล้ำก็ยิ่งหน้ากลัว สุดท้ายก็จะกลืนกินจนไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์จริงๆอีกต่อไป มนุษย์จริงๆที่ผมหมายถึง คือ มนุษย์ปกติที่มีอารมณ์และความรู้สึกตามสภาพแวดล้อมเหตุการณ์นั้นจริงๆ เราจะเสียใจเมื่อคนรักจากไป เราจะเกิดความกลัวเมื่อมีคนมาทำร้ายเรา หรือ เราจะเหงาเมื่อไม่มีใคร เพราะฉะนั้น ตัวละครพระเอกและนางเอกไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม แต่คือมนุษย์ปกติที่ต้องอยู่ในจักรวาลที่ประหลาด นั่นคือ จักรวาลทีไร้ความรู้สึก

รวมไปถึงประเด็นของระบบหมู่ในสังคมที่บังคับให้คนเราต้องทำตามเหมือนกันหมด กฎบ้าๆ บนโลกบ้าๆ ถ้ามีใครรู้สึกหรือเห็นต่างหน่อยก็จะถูกมองว่าเป็นแกะดำ และพิพากษ์ว่า เป็น ตัวประหลาด หนังยังเสียดสีจุดนี้ด้วยผมว่านะ 

โดยรวมเลยครับ Equals คือหนังรักที่แอบแฝงหลายๆประเด็นไว้ดีมาก มันมีความโรแมนติกแบบแปลกแยกจากโลกที่ล้วนบีบบังคับ ผมแนะนำให้ไปหาดูแรงๆเลยนะ


ระดับความชอบ A