วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558

"สิ่งผุพังที่มีเสน่ห์" The Grand Budapest hotel

The Grand Budapest hotel



"สิ่งผุพังที่มีเสน่ห์" 

( U.S.A , 2013 ,Wes Anderson)


บทวิเคราะห์ และ วิจารณ์

สิ่งแรกที่อยากจะบอกหลังจากดูหนังเรื่องนี้เสร็จ ก็คือ เราอยากที่จะอยู่ในโลกของ คุณ wet anderson ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
เพราะหนังแต่ละเรื่องของพี่แกพาเราไปพบกับโลกฝันประดิษฐ์ ความเป็นแฟนตาซี มันราวกับว่าได้ปล่อยให้คนดู อยู่ใน spaceของโลกที่เขา set ขึ้นมา อย่างจมจ่อมก่อนที่จะพาคนดูกลับสู่โลกความจริงด้วยความสุข
ความละเมียดละไม ของการกำกับศิลป์ ฉากต่างๆ ที่ทำออกได้อย่างประดิษฐ์ประดอย
ยิ่งฉาก รถรางไต่ขึ้นที่สูงนั้น งดงามราวกับฝัน

massage สาร บทสนทนา ในหนัง คล้ายๆกับ การอ่านบทกวี มันมีความเป็นปรัชญาพอสมควร นั่นคือสื่งที่เราชอบ มันเหมือนกำลังจะบอกกับ เราว่า บางครั้งชีวิตของคนเรานั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความผูกพันกับสิ่งก่อสร้าง สถานที่ต่างๆ ที่เราชอบ หรือประทับใจ นั่นคือการให้คุณค่า ให้ชีวิตของสิ่งที่ไม่มีชีวิต ให้ดูมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ แน่นอนว่า The Grand Budapest hotel จึง เหมือนภาพวาดที่จิตกร บันจงวาดมันให้มีเรื่องราว มีเรื่องเล่า ออกมา
มันมีคำพูดในหนังที่เราชอบมากที่สุดคือ คุณเป็นตัวเชื่อมโยงสิ่งสุดท้าย ของโลกที่สูญหาย
เราขอใช้นิยามสำหรับหนังของคุณ wet ว่า "หนังม้าหมุน " ต้องเป็นม้าหมุนที่อยู่ในสนามเด็กเล่นที่ดูรื่นย์รม สวยงาม พร้อมที่จะหมุนพ่คนดูสุขราวกับความฝัน ก่อนที่จะค่อยๆหยุด นั่นคือสัญญานบอกกลับเราว่าถึงเวลากลับสู่โกความจริงแล้ว
หากว่า สิ่งลวงตา คือ ความงดงามที่ดูเลอค่า จึงไม่แปลกอะไรที่มนุษย์เราจะสรรสร้างมันขึ้นมาเรื่อยๆ

คะแนน   B+


วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

โลกของมนุษย์เพศแม่ " Tag อวสานโมเอะ

Tag อวสานโมเอะ 


 โลกของมนุษย์เพศแม่

(Japan, 2015, Sion sono)


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


นี่คือหนังที่เรารอมามากที่สุดในปีนี้ แล้วก็ได้ดูสมใจ งานใหม่ของ ชิออน โซโนะ ผู้กำกับ suicide club , noriko diiner table , himizu ที่พูดมาเป็นหนังที่ผ่านตาผมมาแล้วทั้งนั้น แล้วก็ชอบทั้งหมดด้วย
มาเรื่องใหม่ Tag ยังคงเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง การมองโลกแบบวิปริต บิดเบี้ยว ของตัวละคร ฉากเลือดสาดกระจายเต็มจอ แต่ด้วยความที่มันมีอารมแบบมังงะ แฟนตาซี ทำให้ดูแล้วรู้สึกเหมือน โลกในจินตนาการที่โหดร้าย ที่ถูก setขึ้นมาอีกที
การเสียดสีโลกของผู้ชายที่มีต่อโลกของผู้หญิง เพราะฉะนั้น เรื่องราวต่างๆในหนัง เกิดจากการควบคุมโดยระบบความคิดผู้ชายอีกที ว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ นึกจะทำอะไรก็ได้ เห็นเป็นเรื่องสนุกไปหมด เพราะฉะนั้น ผู้ชายกำลังบอก ผู้หญิงว่า ในอนาคต พวกผู้หญิงต้องสูญพันธ์โดยน้ำมือผู้ชาย ฉันจะควบคุมเธอทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น กรที่เราจะเห็นภาพกระโปรงนักเรียนหญิงเปิดเพราะลมพัด อาจเป็นภาพความคิดที่ผู้ชายอยากจะสร้างขึ้นมา เพื่อสนองระบบความคิดทะลึ่งๆออกมา การเห็นร่างเธอขาดสองท่อน อาจจะเป็นความสะใจหรือหมั่นไส้ในความเป็นผู้หญิงลึกๆ สวยแล้วไงวะ ก็ตายได้เหมือนกัน
ทั้งหมดทั้งมวลอาจเป็นสิ่งที่มนุษย์เพศพ่ออยากที่จะจินตาการสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา เพื่อจะจิกกัดเพศหญิง อยากจะเป็นผู้ล่า การที่ตัวละครผู้หญิงวิ่งหนีนั้น อาจหมายถึง พวกเธอเป็นเพศที่ถุกตามล่าอยู่ตลอด




สิ่งที่ชอบนั้นมีมากมายเหลือคณานับในหนัง ไม่ว่าจะเป็น ตัวละคร ที่เอาโลกของมนุษย์เพศแม่ มาจิกกัดได้แบบ น่าสนใจ
บทกวีของการมองชีวิต สิ่งต่างๆ ความเป็นไปในจักรวาล จากคำพูดตัวละคร
ฉากต่างๆที่ทำออกมาได้เท่เหลือเกิน รวมไปถึง soundtrack ที่ใช้ดนตรี post rock มาสร้างบรรยากาศทำให้หนังดู มีเสน่ห์ และงดงาม โอ้ยหนังเรื่องนี้ทำเพื่อเราขนาดนี้เลยเหรอ
โดยรวมแล้ว tag นั้นถือเป็นหนังที่ค่อนค่างจะแปลกพอสมควร และดูสนุก

คะแนน  A





" เราจะบ้าด้วยกันตลอดไป " Silver lining playbook

Silver lining playbook


" เราจะบ้าด้วยกันตลอดไป"

(U.S.A,2012,david o russell)


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


ไม่แปลกเลยที่ หนังจะชนะ ออสการ์ ในสาขา นักแสดงยอดเยี่ยม 
ตัวละคร performance ออกมาได้โครตทรงพลัง มันไม่ใช่หนังดีอะไรหรอก แต่เราก็ไม่ได้บอกว่า หนังไม่ดีเราจะไม่ชอบ เหมือนการทีเราออกไปทานผัดกระเพรา เรารู้ว่ามันเป็นเมนูที่ใครๆก็ทานไม่แปลกใหม่ ทำไมเราจึงอร่อยกับมัน เราดูหนังเรื่องนี้เราได้ความรู้สึกนั้นกลับมาครับ
เอาใจเราไปเลย พระเอกและนางเอก เรารู้สึกว่ามันเหมือนกับโลกของพวกเขาจริงๆ เมื่อเขาแสดง
หนังพูดถึงคนป่วยทางจิต 2 คน ไอ้ตาพระเอก เมียมีชู้ จิตตก กำลังอยู่ในช่วงรักษา ดื้อรั้นออกมาจากสถานบำบัด และอ้างว่า ตัวเองว่า หายแล้ว และชอบวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ที่แปลกไปกว่านั้นคือ ชอบเอาถุงขยะสีดำมาสวมเป็นุชุดออกกำลังกาย
อีนางเอก นี่ เพี้ยนพอกัน ผัวตาย เลยทำตัวสำส่อนมีอะไรกับคนในออฟฟิสมานับไม่ถ้วน จนโดนไล่ออกจากงาน จิตตกเพิ่งออกจากโรงพยาบาล

เมื่อคนบ้าๆมาเจอกัน ทั้งคู่ก็เยียวยากันและกัน ในโลกบ้าๆบอๆ ของคนป่วยๆ
หนังไปทางตลกและเบาสมองส่วนใหญ่ ซึ่งไอ้ความตลกมันก็จัดการเราได้แบบราบคาบเลย มันเต็มไปด้วยบทสนทนาที่บ้าบิ่น ในขณะเดียวกันเราก็อดที่จะสงสารกับความเป็น loser ไม่ได้
รวมๆแล้วเด่นในเรื่องของ อารมณ์และการแสดง ครับ สรุปแนะนำเลยครับ เพราะหนังเรื่องนี้มันไม่ได้เลือกคนดู แต่พร้อมที่จะไปหาทุกคน

คะแนน  B+


วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

" เธอคือลมหายใจ" A Simple Life

A Simple Life




" เธอคือลมหายใจ"

(Chinese,2012,Ann Hui)


บทวิจารณ์ และ วิเคาระห์

งดงาม จนน้ำตาไหล เรารู้สึกถึงความอิ่มเอมที่มันช่างพลั่งพลูออกมา เสียจริงๆ บอกเลยเราแพ้ทางหนังแบบนี้ ไอ้ความเรียบงายของมันค่อยๆ พาเราเหมือนไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้
อาหลิว ในเรื่องเล่นเป็น ชายหนุ่มที่ต้องดูแล คนรับใช้ (อาเตา) ที่เป็นคนเก่าแก่ในบ้าน เนื่องจากเธอเส้นเลือดในสมองแตก ส่งผลกับร่างกายระบบกล้ามเนื้อ การเคลื่ฮนไหว อาหลิวต้องคอยทำโน่นทำนี่ให้ หาที่อยู่ ว่างจากงานก็พาเธอออกไปเดินเล่น ไปเที่ยวกินร้านอาหารดีๆ
เรารักความสัมพันธ์ของ ตัวละครสองคน เรารู้สึกว่า มันเป็นเหมือนป้ากับหลานมากกว่า เจ้านาย กับ คนใช้ เรารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของ คำว่า family แม้กระทั่งแม่คุณ หลิวก็ทำกับ อาเตาเหมือนพี่กับน้อง


หนังเป็นมิตรกับคนดูอย่างเรามาก และผมก็เชื่อว่าทุกคนที่ได้ดูคงจะรู้สึกเช่นกัน หนังสามารถเก็บ detail เล็กๆน้อยๆ บรรยากาศต่างๆ อารมณ์แบบ homesick เหงาๆ ได้ดีเยี่ยม ฉากแฟลตตอนฉลองปีใหม่ในจีน ภาพตอนจุดพลุ เราชอบมาก
เราชอบที่simple life ยัง ให้พื้นที่สำหรับตัวละครชายขอบ นั่นคือ คนชรา การพูดถึงบ้านพักคนชรา สมาคม เพื่อน มิตรภาพของคนที่เข้าไปอยู่ กิจกรรมต่างๆ ความช่วยเหลือที่ดูเหมือนครอบครัวจริงๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เหมือนบ้านจริงๆก็เหอะ เรารู็สึกว่าหนังมันใส่ใจในจุดนี้
สรุปแล้วหนังเรื่องนี้เหมาะแก่การดู อย่างยิ่ง และจะเหมาะมากถ้าได้ดูกับคุณย่าคุณยาย หรือใครที่มีญาติเป็นคนเฒ่าคนแก่ พาท่านไปดูซะ

คะแนน  A


คนที่เราไม่คาดคิด มักทำสิ่งที่ไม่คาดคิด " The imitation game

The imitation game




"คนที่เราไม่คาดคิด มักทำสิ่งที่ไม่คาดคิด

(U.K,2014, Morten Tyldum)


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


งจะเป็นวลีเด็ดที่สุดสำหรับผมในหนังชีวประวัติเรื่องนี้ เห็นเขาบอกต้องดูให้ได้ แล้วเราก็พบว่า มัน อัศจรรย์มาก มันมีหลายตรงที่เราคิดว่า หนังมันขับเคลื่อนเราอยู่ตลอด
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงสงครามยุโรป อังกฤษ เยอรมัน และโซเวียต คุณ ทูริ่ง นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ที่ประดิษฐ์ เครื่องถอดรหัส ชื่อว่า คริสโตเฟอร์ ซึ่งมารู้อีกที ชื่อเครื่องนี้มีที่มาจาก เพื่อนชายคนสนิทของเขาสมัยตอนเรียนโรงเรียนประจำเมื่อเขายังเด็ก เมื่อเขาได้ไปทำงานใน สถานีวิทยุของรัฐบาล กับเพื่อนอีก 3 คน และนางเอก 1 ในนั้น มี แชมป์หมากรุกอยู่ด้วย ทั้งหมดแล้วเก่งในเรื่องเกี่ยวกับ ปริศนาเกมอักษรไขว้ ทั้งหมดร่วมมือกัน ถอดรหัสอีนิกมา ที่ใช้ในการหยุดการโจมตีขอเยอรมัน ก่อนที่ ทูริ่ง จะถูกจับข้อหา เป็น รักร่วมเพศ และปลิดชีพตัวเองในที่สุด

สิ่งที่เราชอบ คือ บรรยากาศของมัน เรารู้สึกถึงปมบางอย่างที่ ดูแล้ว คุณทูริ่ง เป็นบุคคลที่น่าสงสารมาก มันมีความหลังและแผลขนาดใหญ่ที่เรามองว่า เขาเป็นอัจริยะที่มีชีวิตในแบบคนธรรมดามองว่า เก่ง พระเจ้า แต่ถ้ามองอีกมุมลับ คุณทูริง ก็คือ loser ที่พยายามเอาความสามารถที่เขามีอยู่ในเรื่อง การคำนวณ ความเป็นอัจริยะที่คนธรรมดาทำไม่ได้ มาหักลบ จุดด้อยในชีวิต แน่นอนว่าสิ่งที่เจ็บปวดมาทั้งชีวิตของเขาคือการ เก็บความลับเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเขา
เราชอบที่หนังไม่ได้ ยกย่อง เชิดชู ความเป็นอัจริยะ ของตัวเอก แบบ มุมของ hero ด้านเดียว ว่าเขาคือเบื้อหลังผู้ทำให้อังกฤษชนะสงคราม เพียงเพราะความเป็น true story ที่ทำให้เราเห็นปมหลังอีกด้านของพวก อัจริยะ ว่า ชีวิตแท้ๆ แม่งไม่ได้สวยงามเลย
เมื่อคุณมีสิ่งนี้ พระเจ้าก็ขอสิ่งนี้จากคุณไป คุณจะไม่สามารถได้อะไรไปเพียบพร้อมหลอก นั่นคือกฏของจักรวาลที่ให้มนุษย์มาแล้ว
soundtrack ก็เด่น ดีจัง
ความสัมพันธ์ระหว่าง คุณทูริง กับ โจน เราชอบตอนที่เธอบอกกับเขาว่า ไม่มีอะไรที่ perfect หรอก ถ้าแต่งงานกันไป เธอคงไม่ใช่ภรรยาที่สมบูรณ์ คุณก็คงไม่ใช่สามีที่สมบูรณ์ แต่เราจะอยู่กันแบบคู่คิดตลอดไป เราว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีกว่าหลายๆคู่ เออเจ๋งวะ
สรุปว่าหนังดีมากครับ แนะนำเลย

คะแนน  A





วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Inside out

Inside out


(U.S.A,2015, Pete Docter)


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


โห แม่งเทพวะ มันเป็นโลกของอารมณ์อันแสนจะงดงาม เราไม่ได้สัมผัส animation ดีๆ ใช้คำว่าโครตดีแบบนี้มานานมากแล้ว ถ้านับตั้งแต่ toy 1 และเราก็ไม่เจออีกเลย จนมาถึง inside out ทำให้โลก animation ชั้นครูกลับมาแล้วครับ 5555
ในการย้ายบ้าน ย้ายเมือง สถานที่ใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ ดูเหมือนจะเป็นโลกอันโหดร้ายสำหรับเด็กสาวอายุ 11 ปี ไรลี่ย์ เด็กสาวหน้าตาน่ารัก จาก มิโซต้า เมืองหนาว ในเรื่อง เด็กที่นี่จะเล่นกีฬา hockey รวมไปถึงครอบครัวน้องด้วย ต้องย้ายมาใน ซานฟรานซิตโก ตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังใหม่ จากที่เป็นเด็กสาวที่สดใส ทะเล้น ก็เปลี่ยนเป็นเด็กที่ก้าวร้าวและไม่มีความสุข เป็นหน้าที่ของเหล่าอามรณ์ ที่ต้องควบคุม พร้อมการเปลี่ยนแปลงแห่งห้วงวัย


เรามองว่ามันมีความเป็น coming of age อยู่พอสมควร การเปลี่ยนแปลงทางควมคิด และวัย รวมไปถึง การเรียนรู้โลกของเด็กสาว
เราหลงรักตัวการ์ตูนทั้งหมดในเรื่อง โดยเฉพาะเจ้าอารมณ์ทั้ง 5 ไม่ว่าจะเป็น คุณลั๊ลล๊า( ตัวสีฟ้า )ตัวแทนแห่งความสุข พยายามขับเคลื่อนเป็นตัวหลัก , คุณซึมเศร้า (ตัวสีฟ้าใส่แว่น) จะคู่ไปกับตัวความสุข , คุณฉุนเฉียว ( ตัวสีแดง)ตัวแทนแห่งความโกรธ ไม่พอใจจะแสดงออกมา , คุณกลั๊วลลัว ( ตัวสีม่วง )ตัวแทนแห่งความกลัว ใช้ในการยับยั้งชั่งใจ , คุณหยะแหยง (ตัวสีเขียว) ตัวนี้มันออกดูเย้ยๆ หยิ่งๆไงไม่รู้55 ตัวการ์ตูน ช้างสายไหมโลมา ที่เป็นตัวแทนแห่งจินตนาการในความคิดเด็กสาว รวมไปถึง แผนผังรวมภายในจิตใจ เช่น รถไฟความคิด , เกาะบุคลิกภาพ , ชั้นใต้ดินของจิตใต้สำนึก การควบคุมความฝัน- การตื่นนอน และ ลูกแก้วความทรงจำต่างๆ
สิ่งที่น่าชื่นชมคือ inside out มันจับเอาเรื่องของอารมณ์โคร้งสร้างองค์ประกอบภายในตัวมนุษย์ทั้งหมด เอามาเล่นเป็นการ์ตูน ผมมองว่าแม่งเหนือชั้นมาก และที่น่าชื่นชมไปกว่านั้นคือ แม่งเอาเรื่องที่ดูแล้วซับซ้อน แต่มาเล่าให้คนดูสามารถเข้าใจง่ายๆได้ นั้นคือความเก่ง โดยที่คนดูไม่ต้องปะติดปะต่อไรมาก มันทำปฎิกริยากับเราแบบอัตโนมัติ และก็อินไปกับมันทุกฉาก
งานภาพต้องให้เราพูดอีกเหรอ 555
หนังแม่งเล่นเราน้ำตาร่วงหลายฉากมาก และอมยิ้มไปกับมัน เราชอบ เกาะติ๊งต๊อง ของเด็กสาวมาก ไม่ต้องไรหรอก แค่เรามองคุณน้อง ไรลี่ย์แล้วเราก็หลงรักมันตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว
สรุปในความคิดเรามองว่า อารมณ์ทั้ง 5 มันสำคัญหมด เพราะมันอยู่ในตัวของคนเรา ซึ่งมีทั้งสุข เศร้า โกรธ กลัว หยะแยง ซึ่งจะขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้แน่
ปล ชนะออสการ์ปีนี้ไปเลยนะเรื่องนี้ เราเชียร์

คะแนน  A+

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เรื่องหมาๆ White god

White God



เรื่องหมาๆ  

(Hungary,2015,Kornel Mundroczo)


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


นับเป็นความโชคดีของเราที่ได้ดูหนังสัญชาติ ฮังการี เรื่องนี้ ปกติหนังแถบนี้เราแถบไม่ได้ดูหรอก ถ้าไม่ใช่ world film selection และเหตุผลหลักน่าจะเป็นผลพลอยได้จาก รางวัลปาล์มทองคำ ประเทศเราเลยไปซื่อลิขสิทธื์หนังของเค้ามา
เรื่องของ เด็กสาว ลีลี่ เธอย้ายมาอยู่กับพ่อที่แม่เพิ่งเลิกไปอีกเมือง มาพร้อมหมาคู่ใจ ในเมืองนี้คือ กฏเกี่ยวกับสุนัขเข้มงวดมากไม่ให้มีไว้ในครอบครอง ถ้ามีคือต้องมีใบอนุญาต สุนัขคู่ใจของเธอมันจะตามเธอไปทุกที่ แม้กระทั่งตอนที่เธอซ้อมดนตรี วงคลาสสิค พ่อปฎิเสธมันไม่ยอมให้เลี้ยง เธอเสียใจด้วยความรักหมา แต่อย่างว่าเด็กสาวราว 12-13 ทำไรไม่ได้หรอก นอกจากต้องจำใจปล่อยไป ทั้งคู่พรากจากกัน ไม่นานเธอก็ออกตามหา
หนังยังฉายภาพ ความโหดร้ายของคน ปัญหาสุนัขจรจัด ไม่มีที่อยู่ ความละเลยของรัฐในการแก้ปัญหา รวมไปถึงผลประโยชน์ต่างๆของมนุษย์ ที่เอาจากมัน

เราชอบตรงที่หนังนั้นไม่ได้สร้างให้ผู้ที่ต่ำกว่าอย่างสุนัข เป็นผู้ถูกล่าอย่างเดียว ไม่ได้แบบมี super hero หญิงเด็กสาว โทรบอกตำรวจ มาช่วยหรือ หมาผู้รักเจ้าของมาหาแบบซึ้งๆ แล้วกลับมาอยู่ด้วยกัน ไม่มี
เป็นเรื่องของระบบ hunter การต่อสู้อย่างไม่มีทางเลือกของสิ่งมีชีวิตที่ถูกมองว่าอ่อนแอกว่า ทำไงก็ได้ให้ตัวเองอยูรอด
ในเมื่อ you ล่า me ได้ me ก็ล่าพวก you ได้เหมือนกันนะ และมากันเป็นฝูงๆ ถ้าจะเปรียบกับการเรียกร้องสิทธ์ของผู้โดนเหยียบย่ำ อย่างหมา จากผู้มีอำนาจ คือคน คล้ายกับการก่อ mop ประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม
รวมๆหนังดูลุ้นและสนุกพอสมควรเลยแหละ

คะแนน  B+






แด่เธอผู้จากไป Solanin

 Solanin 




" แด่เธอผู้จากไป "

(Japan,2010,Takahiro Miki)


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์

สวยงาม มีพลัง และพาฝันมาก แม้จะต้องร้องไห้ระหว่างทาง
ก็ตาม แต่เราก็ยอม
เราไม่ได้ดูหนังของพี่ อาโออิ มิยาซากิ มานานแล้ว ตั้งแต่ Nana , Sukida Virgin snow , Havenly forest และอื่นๆที่ยังนึกไม่ออก เป็นพี่สาวในวงการหนังญี่ปุ่นที่เราชอบมากคนนึง แกแสดงได้มีเสน่ห์ เรารู้สึกถึงรอยยิ้มของพี่แกที่มันมีทั้งความสุข และ ความเศร้าอยู่ในตัว ถ่ายทอดออกมาได้งดงามมากครับ


Solanin ในเรื่องหมายถึง บทเพลงเพื่อการลาจาก ฟังเหมือนอาลัยอาวรเลย แต่ไม่ใช่ มันไม่ขนาดนั้น มันคือคำที่ให้กำลังใจ ในการบอกลาสิ่งเก่าๆแล้วไปเริ่มต้นวันใหม่ที่ดี
พระเอกกับนางเอกอยู่ห้องเช่าโตเกียวเล็กๆ ด้วยกัน ทั้งคู่รักในเสียงเพลง พระเอกมีวงตอนอยู่ชมรม ดนตรี rock สมัยมหาวิทยาลัย จบมาทั้งคู่ก็ทำงานประจำ มันไม่ใช่งานใหญ่หรอกนะ ก็พาเลี้ยงปากและท้องได้ ตามประสาแฟนกันที่จบใหม่ๆ
พวกเขาคิดว่างานที่ทำอยู่จะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงเลยอยากทำวงดนตรีจริงจัง .......................
เรารู้สึกว่าตัวละครพระเอกกับนางเอกกำลังเดินอยู่บนเส้นฟางเล็กๆที่ดูไม่มั่นคง จะขาดแหล่ไม่ขาดแหล่ แต่ก็พร้อมที่จะเสี่ยง

และหนังเรื่องนี้ มันทำให้เราเหมือนได้ย้อนกลับไปดู Nana อีกครั้งจัง เราชอบ mood and tone บรรยากาศ เหงาๆ มาก การต่อสู้ของเด็กวัยรุ่นบ้านนอกตัวเล็กๆ ที่อยากมีฝันที่ยิ่งใหญ่ และพยายามจะไปถึงจุดให้ได้ nana อาจพูดถึงความฝันของนักดนตรีที่เพียบพร้อม จะเป็นวง rock star อยู่แล้ว แต่ solanin นั้นกลายเป็นภาพสานฝันของผู้หญิงวัยรุ่น ล่องลอย ปลิวลม ท่ามกลางเมืองใหญ่อย่างโตเกียวและถ้าเราดูเข้าจริงๆแล้ว นางเอกมันไม่ได้มีความเป็น professในด้านดนตรี มาแต่แรกแล้ว แต่มีความสุขที่ได้ทำ เพื่อคนรัก และเปลี่ยนแปลงตัวเองในการเดินไปข้างหน้าอย่างอย่างมั่นใจ
ปล การดูหนังเรื่องนี้ เหมือนกับการที่ผมได้เล่นดอกไม้ไฟและจุดพลุขั้นบนท้องฟ้า ก่อนจะพบว่าบนฟ้านั้น เต็มไปด้วยประกายไฟที่สวยงามมาก


"ท้องฟ้าในวันนั้นยังคงกว้างใหญ่เกินไปสำหรับเรา  แต่ในวันนี้เราสามารถจะอยู่ในความกว้างใหญ่เหล่านั้นได้ "


คะแนน   A


วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ความเงียบอันมืดดำ The Tribe

 The Tribe   



ความเงียบอันมืดดำ 

(Ukraine ,2014,Myroslav Slaboshpytskyi)



บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์

No voice  over  No subtitle

เราต้องบูชามันในแง่ของความเป็นศิลปะงานภาพยนตร์   เราว่า The tribe คือมิติใหม่ของการชมภาพยนตร์สำหรับเรา 

ภูมิคุ้มกันจากหนังอย่าง toyo sora ทำให้เราสามารถดูหนังเรื่องนี้จนจบได้
หนังอันตรายมาก เราพยายามเก็บ details จากหนังให้ได้เยอะสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ยอมรับว่าไม่หมด เนื่องจากหนังสัญชาติยูเครนเรื่องนี้ ไม่มีแม้แต่บทพูดซักประโยค ไม่มีแม้แต่ soundtrack ประกอบ ทั้งหมดทั้งมวลของหนังถูกลดทอนให้เหลือแค่เสียงของ ambient บรรยากาศ เท่านั้น tokyo sora ของญี่ปุ่น ดูเด็กไปเลยมาเปรียบกับเรื่องนี้ แต่ความประหลาดคือหนังมันสามารถเอาความเงียบเชียบพาคนดูอย่างเราไปถึงจุดได้

ความอันตรายที่ว่านี้คือ สถานการณ์ ตัวละคร ทุกอย่างดูมืดดำไปหมด และไม่น่าไว้วางใจ เราแม่งไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย เราว่าหนังมันดูสดมาก พระเอกเป็นหนุ่มใบ้ที่บุคลิกถ้าดูภายนอกจะดูทึ่มๆ มันมีเหตุการณ์ให้เขาต้องเข้าไปอยู่ในหลุมของพวก อาชญากรรม ความอันตรายต่างๆ การปล้น แก๊งรีดไถ ยาเสพติด รวมไปถึงการตระเวณค้าโสเภนี ซึ่งเป็นกิจกรรมยามดึกของคนพวกนี้ จะเห็นได้จากในหนัง

รวมๆแล้วหนัง kill พวกที่ชอบความแปลกใหม่ ความ violence ต่างๆ หรือพวกคอหนังเทศกาล

คะแนน  A




วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

freelance ฟรีแลนซ์ (เต๋อ นวพล)



 freelance ฟรีแลนซ์ 

(Thailand,2015, เต๋อ นวพล)


บทวิจารณ์ และ วิเคาระห์


เวิ้งว้าง อิสระ และงดงามในแบบหนังของเต๋อ
ทำไมเราถึงบอกเช่นนั้น ปกติเราจะไม่ได้เห็นหนังแบบนี้ใน GTh เป็นแน่ถ้าไม่ใช่งานของเต๋อ นวพล freelance ยังคงผสมสิ่งที่เรียกว่า surrealistic เข้าไปอยู่บ้าง การกระทำที่ดูไม่สมเหตุสมผลในบางฉาก การสมมุติเหตุการณ์บางอย่างขึ้นมา ก่อนที่จะตัดฉากออกมาให้คนดูงงในบางครั้ง เช่น ฉากงานศพในมโน ของ ยุ่น ที่มี พี่โบ และ พี่จ๊อย tk มาร้อง บลาๆๆๆ ก่อนที่จะตัดออกมาว่า ตัวเขาถูกส่งไปโรงพยาบาล และนอนสภาพไม่สู้ดีอยู่บนเตียง แต่ความ surreal อาจจะไม่ได้ล้นปรี่อย่าง marry is happy marry is happy นัก แต่ถึงอย่างไงมันก็คือการตั้งใจของพี่เต๋ออยู่ดี ที่จะให้ออกมาในลักษณะ ดูเลื่อนลอย และแนวๆๆ ในแบบผู้กำกับหนังอินดี้ หนังมีความ real ขึ้นมาจากเรื่องก่อน นั่นอาจจะปรับให้ดู massขึ้นมานิด แต่ก็ยังเป็น indy massอยู่ดี55
ฉากในตอนกลางเรื่อง ในฉากพักร้อนนี่ ยุ่นไปดูพระอาทิตย์ตกดินคนเดียว และไปยืนทำท่าเหมือนจะเซลฟี่กับ รูปปั้นอะไรซักอย่าง ตรงทะเล ทำให้ผมนึกไปถึง ฉากที่ แมรี่ ไปฝรั่งเศสคนเดียว จัง มันให้อารมณ์เวิ้งว้างและอิสระดี จุดนี้เราชอบมาก

จุดที่พีคไปกว่านั้นคือ เพลงทั้งหมดในหนังนั้น มันแนวทางเรามาก ยิ่งตอนที่ intro เพลง รอผล ent ของ ภูมิจิตขึ้นเท่านั้นแหละ เข้ อารมณ์มาจริง และก็อีกหลายๆเพลง
ซึ่งถ้าใครคาดหวังกับความเป็น romantic comedy โลกสวยไรมากก็ละก็บอกเลยว่าไม่ใช่
โดยส่วนตัวเราว่าหนังสนุกและเท่มากก ข้อเสียอย่างเดียว เราแม่งรำคาญเสียงโทรศัพท์ในเรื่องมาก555
เรื่องนักแสดงนี่ไปมา guest surpise สุดคงเป็นพี่โต้ง บรรจง จากพี่มาก พระขโนงยังมา เล่นเป็นคุณหมอหน้าตาย
ปล พี่บอล scrubb ของผม เรื่องนี้โหดและนิสัยไม่ดีเอาซะเลย 555
สุดท้ายอยากบอกจากใจ ผมยังคงรอคอยหนังดีๆจากพี่เต๋อ ต่อไป รีบทำหนังเรื่องที่ 5 ด่วน

คะแนน A

พระอาทิตย์ยังคงงดงามเสมอ ทุกครั้งที่มอง Always sunset on third street 1

Always sunset on  third  street 




"พระอาทิตย์ยังคงงดงามเสมอ ทุกครั้งที่มอง"

(Japan,2005, Takashi  Yamasaki)


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


กลับมาพร้อมกับหนังญี่ปุ่น จะว่าไปเรื่องนี้มันนานมากแล้วครับ ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้ดู  แล้วก็ประทับใจมาก  คิดในใจทำไมไม่ดูแต่ตอนนั้นวะไปอยู่ไหนมา  
     
ไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายหนังญี่ปุ่นสุดคลาสสิคเรื่องนี้ นอกจากจะบอกว่า สวยงามทุกอณูจริงๆครับ ไล่ตั้งแต่ story ยันไปจนถึงตัวละครทุกตัว เพลงประกอบ ทุกอย่างมันดูมีชีวิตไปหมด เป็นภาพรวามของโตเกียวที่กำลังจะเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบ ไปด้วยความหวัง และความฝันของผู้คน

ปล ฉากนี้เป็นฉากที่คนในหมู่บ้านรวมตัวกันดูทีวีซึ่งเป็นทีวีเครื่องแรกของหมู่บ้านคุณซูซูกิเราพีคมาก 
  
always ทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ ได้เข้าไปวิ่งเล่นบนถนนเส้นนั้น ได้ไปเห็นชีวิตของผู้คนญี่ปุ่นช่วงยุค 2501 ช่วงที่ตึกรามบ้านช่องกำลังจะพัฒนา สมัยที่ยังมีรถราง ร้านซ่อมรถเล็กๆ ร้านขายของชำขนาดไม่ใหญ่ ผู้คนในเมืองที่อาศัยเหมือนครอบครัวจริงๆ ทุกคนช่วยเหลือ เหมือนภาพชนบทที่แสนอบอุ่นอยู่ในฉากหลังของเมืองโตเกียว ทำให้เรากลับไปคิดว่า ถ้าเกิดคนในเมืองเป็นเหมือนยุคก่อนนั้นน่าจะดี แต่อย่างไรเสียชีวิตของผู้คนรวมไปถึงเมือง บ้านก็ต้องพัฒนาอยู่ดี รวมไปถึงการเข้ามาของ เทคโนโลยี่ เครืองใช้ไฟฟ้าต่างๆ ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า หนังเรื่องนี้ยังทำให้ผมได้มองชีวิตผู้คนตัวเล็กๆ ที่กำลังเดิน กำลังสร้างความหวังไปด้วยกัน คล้ายๆกับ ดอกไม้เล็กๆที่กำลังผลิบานอยู่ในสวนสวยๆ อย่างไงอย่างนั้นเลย
เราชอบตัวละครทุกตัวในเรื่องจริงๆ ถ้าขาดตัวใดตัวหนึงเสียคงจะไม่เป็น always ที่สมบูรณ์แบบแน่

" ถึงแม่ว่าถนนเส้นนี้อาจจะไม่ได้โรยไปด้วยความสุขหรือความหวังทั้งหมด มันอาจจะดูสิ่้นหวัง ลำบากบ้าง ผมเชื่อวาทุกคนบนถนนเส้นนี้พร้อมที่จะเดินทางไปด้วยกัน ขอแค่มองมา ณที่แห่งนี้ พระอาทิตย์แห่งความหวังยังคงงดงามเสมอ "

คะแนน  A+



วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

"แม้จะไกลถึงดาวอังคาร เราก็จะไป " Standing up

Standing up



"แม้จะไกลถึงดาวอังคาร เราก็จะไป

(U.S.A,2013,D.J caruso)



บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์

 แว่นชายพาแว่นหญิง จับมือออกเดินทางไปด้วยกัน   ไปในที่ที่ไม่มีใคร  เราจะสร้างโลกขึ้นมาเอง  

สัญญากับฉันนะว่าเราจะไม่ทิ้งกัน  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น   เราจะใช้ชีวิตให้เหมือนพวกเผ่าอินเดียแดง 

หาของป่า   สร้างกระท่อม   นั่นคือความคิดของเด็กชายและเด็กหญิงทั้งสองในเรื่อง


ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังค้าง stock ที่ผมกะดูมานานมากแล้ว เพิ่งจะมีโอกาสได้ดู และเราก็ชอบมากซะด้วย


Coming of age
หนังโครตเท่ แหมนึกว่า Romio & Juliet version เด็ก nerd ซะอีก
เราฟินกับตัวละครเด็กทั้งสองจริงๆ
ว่าด้วยเรื่องราวของ เด็กขี้แพ้ทั้งสอง ที่อยู่ท่ามกลางความโดดเดี่ยว ถูกเพื่อนๆในค่ายกลั่นแกล้ง ทั้งสองเหมือนฟางเส้นสุดท้าย ของกันและกัน ไม่มีใครดีไปกว่านี้แล้ว ทั้งสองคิดแผนหนีแหกค่ายออกไปใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ไม่ใช่แบบความรักของคนหนุมสาวชิงสุกก่อนหามไรแบบนั้นนะ มันเหมือนรักในแบบมิตรภาพ เด็กหญิงและเด็กชาย บริสุทธ์ใสซื่อ ซึ่งเราแม่งอมยิ้มอยู่หลายฉาก จังหวะจะโคลนของหนังที่เูรียบง่าย เป็นอารมแบบนิยายเด็กชวนฝัน ประมาณนั้น
เราชอบคำพูดในเรื่องของเด็กสองคนนี้มาก ตอนพระเอกพูดว่า เรามีความฝันว่าอยากใช้ชีวิตในป่าเหมือนอินเดียแดง เราจะอยู่ในกระท่อม หาของป่า หาอะไร ผมเข้าใจเลยว่าเด็กด้วยความใสซื่อ มันจะมีจินตาการต่างๆ ที่ฟังดูแล้วเหมือนนิยาย เลยวะ แล้วความจริงคือ เด็กสองคนนี้ยังเล็กเกินไปกว่าจะทำแบบนั้น และท้ายสุดพวกเขาก็ยังหนีไปพ้นครอบครวพ่อและแม่อยู่ดี
ปล คิดในใจว่า ไอ้เด็กที่เล่นเป็นพระเอกโตขึ้นมามันหล่อแบบไม่ต้องสืบ
"ช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ของฉันคือการที่มีเธอเข้าเปลี่ยนโลกใบเล็กๆ


 " พระเจ้ามักจะให้สิ่งที่มหัศจรรย์เวลาเราคับขัน"
คะแนน   A

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558

"ปีศาจแสนสวย" The world of Kanako

The world of Kanako


            


"สิ่งเดียวที่ทำให้ผมหลงเหลือความเป็นมนุษย์ คือการที่มีเธออยู่บนโลกใบนี้ "

(Japan,2014, Tezsuya)



บทวิเคราะห์  และ วิจารณ์


  สุดขั้ว และ extreme อย่างมหาศาล มันเล่นเอาเราถึงกับ shock ในหลายๆ scene เลยแหละ มัน violence จริงๆ นึกว่างานของ sion sono ซะอีก หนังเลือดสาด ตัวละครจิตอยู่ในระดับโคม่าปรอทแตก

ว่าด้วยเรื่องราว การหายตัวไปของ เด็กสาวอายุ 18 ปีที่ชื่อ คานาโกะ เธอสวย ร้ายเยี่ยงปีศาจ และอันตรายมาก เธอทำลายชีวิตคนเกือบทุกคนในเรื่อง รวมไปถึงผู้เป็นพ่อแท้ๆ
the world of kanako พาคนดูไปพบกับ โลกอันวิปริต ของวัยรุ่นญี่ปุ่น โลกที่เต็มไปดวย ความก้าวร้าว ความรุนแรง การฆาตกรรมต่างๆ ,gangster , ยาเสพติด ความคึกคะนอง ,ความหลงผิด และอื่นๆอีกมากมาย
สภาพจิตใจของตัวละครในเรื่องล้วนถูกกัดกร่อนไม่เป็นชิ้นดี โดยปัญหา ทั้งหมดล้วนแล้วมาจาก ปัญหาครอบครัว

ราชอบเกือบทั้งหมดของหนังจริงๆ รู้สึกว่าตัวละครทุกตัวมันมีออร่าและแสดงออกมาชนิดแบบปล่อยของมาก โดยเฉพาะงานภาพแสงฉากต่างๆ ทำให้เรานึกไปถึงงานเก่าๆของผู้กำกับคนนี้ มันมีส่วนผสมของ memories of matsuko ทีใช้เทคนิคลูกเล่นภาพสีสัน สดใส ที่ขัดแย้งกับเรื่องราวอันมืดหม่น บวกกับ ภาพเด็ก high school ที่แสดงออกมาในลักษณะการเล่าเหตุการณ์ย้อนหลังแบบ slow ๆ ที่เราคุ้นเคยใน confession อย่างที่บอก งานภาพของ the world of kanoko มันเป็นผลผลิตที่ถูกผสมกลมกลืนระหว่างหนังเก่าสองเรื่องของ เท็ตสึยะ ลูกเล่นที่เพิ่มเข้ามาคงเห็นจะเป็น animation เท่ๆ
ปล มีฉากหวาดเสียวชนิดต้องปิดตาหลายๆฉากพอสมควร แต่ท้งหมดทั้งมวลแล้วถือว่าคุ้มครับ


คะแนน  A



บทเพลงของ เซลกี้ Song of the sea

Song of the sea



บทเพลงของ เซลกี้   

(Ireland, 2014, Tomm Moore )






บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


เราอยากบอกดังๆ ว่า มันเป็นหนังการตูนอนิเมชั่นที่ มหัศจรรย์ใจมาก ปกติเราจะไม่ได้ตามหนังสายนี้เท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่ การ์ตูนของ จิบิ จริงๆ song of the sea ทำออกมา ในแนวของการ์ตูนลายเส้น 2 มิติ เราถือว่ามัน interest ดีนะ คล้ายๆกับ ภาพการ์ตูนที่มีจิตกรชาวยุโรปวาดออกมาแล้วสามารถเคลื่อนไหวได้ story มันพาเราไปแบบนั้นจริงๆ fantasy สมใจคนดู ในอารมณ์แบบกึ่ง drama โศกเศร้า ว่าด้วยเรื่องของ ครอบครัวชาวไอร์แลนด์ครอบครัวหนึ่งที่ต้องสูญเสียคนเป็นแม่ไป




หนังมุ่งไปถึงความสัมพันธ์ที่น่าประทับใจของ พี่ชาย กับ น้องสาว น้องสาวเป็นมนุษย์แมวน้ำที่พูดไม่ได้ ก่อนแม่จากไป แม่บอกว่า ."ลูกจะเป็นพี่ชายของน้องสาวที่ดีที่สุดในโลก " ดูแลเธอด้วยนะ
หนังเล่าที่มาของตัวละครต่างๆแบบค่อยๆเฉลยไปทีละนิดละนิด คล้ายๆกับ การที่เด็กคนหนึ่งกำลังนั่งฟังนิทานจากผู้ใหญ่อย่างตั้งใจ แต่เราชอบหนังเรื่องนี้ตรงที่ว่า ตัวละครต่างๆไม่ได้ตั้งใจออกมาโชว์การร้องเพลงแบบพร่ำเพื่อ เหมือนชื่อเรื่อง song of the sea ที่ก่อนดูต้องคิดว่า มีพวกเหล่าแมวน้ำน่ารักมาร้องเพลง หลายๆฉาก มันไม่ใช่เลยครับ ไม่ได้อารมณ์แบบ frozen ไม่ได้แบบ lion king สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ แหกปาก ตลกโปกฮา กลางป่า หรือการตูน ดาดๆ เรื่องอื่นๆ แต่ song of the sea ปล่อยให้ story นั้นดำเนินไปถึงจุดที่ควรจะเป็น เราว่ามันมีเสน่ห์กว่า และสวยงามด้วยซิ        สรุปเลยละกันว่า ประทับใจครับ
ใครที่เคยดูหนัง animation ค่ายยักษ์ใหญ่ หรือพวกสาวก frozen อะไรแบบนี้ หรือติ่งเพลง let it go ลองเปิดใจให้กับ animation ไอร์แลนด์เรื่องนี้ คุณอาจได้สีสันของการดูการ์ตูนที่หลากหลายขึ้น ผมเชื่อว่า
อย่างนั้นนะ               


คะแนน   A


สมการแห่งความสมดุล " X+Y

" X+Y ( Brilliant Young mind )


สมการแห่งความสมดุล  

(U.S, 2014 ,Morgen Matthew)




บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์



ไม่ได้อัพ blog นานมาก  จนบางคนบอกว่า  มันล้างไปแล้ว   เนื่องจากเราไม่ค่อยมีเวลา   กลับมาคราวนี้เราอยากจะพูดถึงหนังเรื่องนึง   ออกไปเมื่อปีที่แล้ว   นั่นคือ x+Y  โดยส่วนตัวเราว่าหนังมันสว่างนะ   coming of age  ทางถนัดที่เราชอบ 


 เรามีปณิธานอย่างแรงกล้าที่จะดูหนังเรื่องนี้ เนื่องจากรอหนังเรื่องนี้มานานมาก ย้ำว่านานจนเคยท้อว่าจะได้ดูมั้ยน๊าาา ในที่สุดความฝันก็เป็นจริงเมื่อ master ออกเลยไม่ลังเลรีบเก็บหนังเรื่องนี้ทันที แล้วก็พบว่า อื้ม ฟิน


หนังนั้น optimistic สุดตีน พระเอก เนธาน เด็กหนุ่มที่มาพร้อมกับพรสวรรค์ตัวเลข แต่มีปัญหาด้านการเข้าสังคม พูดง่ายๆ เด็กพิเศษ แตไม่ได้ขั้นรุนแรง เขาเสียพ่อไปตอนเด็กๆ เพราะพ่อนั้นถูกรถชนในขณะที่กำลังสนทนากับเขา โชคดีที่เขารอดมาได้ อยู่กับแม่ มีครูขาเป๋ มาติวเลข และจ้องจะคอยสานสัมพันธ์แม่ของเขา ซึ่งเขาจะไม่ลงรอยกับแม่นัก ต่อมาได้มีโอกาสไปรู้จักกับ นางเอก จางเหม่ย เด็กสาวชาวจีนที่เป็นตัวแทนนักเรียนคณิตศาตร์โอลิมปิก ในสภาพแวดล้อมที่เขาไม่คุ้นเคยเพื่อนใหม่ๆ สังคม บรรยากาศทำให้เนธานต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ได้ รวมไปถึงความรักที่กำลังจะเกิดขึ้น

coming of age , love story, teen school boy , drama , family เราว่ามันมาครบนะ ตามนี้
จะว่าไป x+Y มันทำให้ผมนึกถึงหนังดรม่าชีวิตวัยรุ่น เด็กแปลกแยก อย่างเรื่อง
The Perks of Being a Wallflower ที่พูดถึงเด็กคนนึงที่มีชีวิตในโลกของตัวเอง วันนึงต้องการจะหลุดและก้าวผ่านจุดนั้นมา และ สุดท้ายสามารถมีชีวิตที่ต่างจากเดิมได้ เพียงแต่ ตัวละครใน x+y ไม่ได้มาจากเบื้องหลังที่หมองหม่นมากกก มันแค่จะบอกกับคนดูว่า ไอ้ nerd คนนี้กำลังจะเปลี่ยนไปแล้วนะ ประมาณนี้ ด้วยปัจจัยอะไรหลายอย่าง เพื่อน สังคม สภาพแวดล้อม รวมไปถึงความรัก

อีกอย่างเราชอบความรักที่ดูบริสุทธ์ผุดผ่องของตัวละครทั้งสองมาก  เราว่ามันดู innocent ดี  
รวมๆแล้ว ถือว่าเป็นหนังที่ดูเพลินเลยแหละ

" ความรักบางครั้งก็เหมือนกับโจทย์สมการคณิตศาตร์ สับสน ยุ่งยาก ซับซ้อน แต่ถ้าเราพยายามเราก็จะสามารถตีโจทย์นั้นแตก "

คะแนน   A

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

เธอที่ร้าย GONE GIRL

GONE GIRL




เธอที่ร้าย 

(U.s,2014, David fincher)



บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


ห่างหายไปจากการอัพบล๊อกหนังไปนานพอสมควรเลยครับ  หวังว่าคงไม่ลืมกัน เนื่องจากช่วงนี้ผมไม่ค่อยว่างมากนักเท่าไหร่  ดูบ้างหยุดบ้าง มีหนังดีๆ อยู่บ้าง ตามคิว  มาถึงคราวนี้ปี 2015 มันมีหนังค้าง stock ที่ดูไปเมื่อเดือนก่อนอยู่ 1 เรื่อง  ซึ่งหลายคนพูดถึงหนังเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะและไม่แปลกที่หนังเรืองนี้ กระแสจะออกมาดีเกินคาด   เพราะส่วนตัวผมชอบเรื่องนี้พอสมควรหลังจากที่ดูเสร็จ      นั่นก็คือ  GONE GIRL    


ดู gone girl แล้วรู้สึกว่า แม่งชีวิตผมดีๆนี่เอง แต่นั่นคืออดีต และคงจะไม่ใช่ประเด็น มาพูดถึงหนังดีกว่า
เราว่าหนังมันสนุกมาก มีเส้นเรื่องที่น่าติดตามพอสมควร ตลอด 2 ชั่วโมงครึ่งรู้สึกว่า มัน mysterious ตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบ


โดยเฉพาะตัวละคร นางเอก emmy นี่มัน ร้ายจริงๆนะถ้าได้ดู แถมยังลึกลับอีกด้วย
นางเอกเป็นนักเขียน พวกแผนสูง คิดนู่นคิดนี่ ฉลาด พระเอกเป็นเจ้าของบาร์ แต่ก็เคยเป็นนักเขียน เป็นพวก lazy man เจ้าชู้ และอารมณ์รุนแรงในบางครั้ง
วันหนึ่งจู่ๆ ฝ่ายภรรยาก็ disappear จากบ้าน และทิ้งร่องรอยหลายอย่างเอาไว้ ตำรวจมาสืบคดีและแกะรอย และจะพยามหาหลักฐานทุกอย่างให้พระเอกนั้นกลายเป็น ฆาตรกร จนเรื่องราวนั้นค่อยๆเฉลยตอนหลัง ความผิดนั้นมาจากพระเอกที่ก่อขึ้น
ว่ากันตามจริง gone girl มันคือหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของชีวิต สามี ภรรยา หลังแต่งงาน ที่ต่างฝ่ายต่างมีปัญหากันภายในบ้าน อาจมาด้วยปัจจัยอะไรก็แล้วแต่ การปฎิบัติตนต่อกัน ว่าควรจะทำอย่างไร ถึงจะประคับประคองชีวิตคู่ให้สมบูรณ์


GONE GIRL นั้นอาจกลายเป็นตัวอย่าง ชีวิตคู่ที่มันมีรอยร้าวใกล้จะแตก หรือ break ไปแล้ว อยู่ที่ว่าจะซ่อมได้หรือเปล่าก็เท่านั้น

สิ่งที่ชอบมากคือบรรยากาศ ความอึดอัด ลึกลับ ที่มันคุมโทนหนังอยู่หมัด ประกอบกับ soundtrack เสียง ambient เคว้งคว้าง และ หลอกหลอนอย่างประหลาด
ถ้าจะถามผมว่าอะไรที่ทำให้ gone girl ดู different และ น่าสนใจกว่าหนังสอบสวนปกติ ผมตอบได้เลยคือ character ของนางเอก และ บรรยากาศโดยรวม ที่มีเสน่ห์

คะแนน  A