วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เรื่องหมาๆ White god

White God



เรื่องหมาๆ  

(Hungary,2015,Kornel Mundroczo)


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


นับเป็นความโชคดีของเราที่ได้ดูหนังสัญชาติ ฮังการี เรื่องนี้ ปกติหนังแถบนี้เราแถบไม่ได้ดูหรอก ถ้าไม่ใช่ world film selection และเหตุผลหลักน่าจะเป็นผลพลอยได้จาก รางวัลปาล์มทองคำ ประเทศเราเลยไปซื่อลิขสิทธื์หนังของเค้ามา
เรื่องของ เด็กสาว ลีลี่ เธอย้ายมาอยู่กับพ่อที่แม่เพิ่งเลิกไปอีกเมือง มาพร้อมหมาคู่ใจ ในเมืองนี้คือ กฏเกี่ยวกับสุนัขเข้มงวดมากไม่ให้มีไว้ในครอบครอง ถ้ามีคือต้องมีใบอนุญาต สุนัขคู่ใจของเธอมันจะตามเธอไปทุกที่ แม้กระทั่งตอนที่เธอซ้อมดนตรี วงคลาสสิค พ่อปฎิเสธมันไม่ยอมให้เลี้ยง เธอเสียใจด้วยความรักหมา แต่อย่างว่าเด็กสาวราว 12-13 ทำไรไม่ได้หรอก นอกจากต้องจำใจปล่อยไป ทั้งคู่พรากจากกัน ไม่นานเธอก็ออกตามหา
หนังยังฉายภาพ ความโหดร้ายของคน ปัญหาสุนัขจรจัด ไม่มีที่อยู่ ความละเลยของรัฐในการแก้ปัญหา รวมไปถึงผลประโยชน์ต่างๆของมนุษย์ ที่เอาจากมัน

เราชอบตรงที่หนังนั้นไม่ได้สร้างให้ผู้ที่ต่ำกว่าอย่างสุนัข เป็นผู้ถูกล่าอย่างเดียว ไม่ได้แบบมี super hero หญิงเด็กสาว โทรบอกตำรวจ มาช่วยหรือ หมาผู้รักเจ้าของมาหาแบบซึ้งๆ แล้วกลับมาอยู่ด้วยกัน ไม่มี
เป็นเรื่องของระบบ hunter การต่อสู้อย่างไม่มีทางเลือกของสิ่งมีชีวิตที่ถูกมองว่าอ่อนแอกว่า ทำไงก็ได้ให้ตัวเองอยูรอด
ในเมื่อ you ล่า me ได้ me ก็ล่าพวก you ได้เหมือนกันนะ และมากันเป็นฝูงๆ ถ้าจะเปรียบกับการเรียกร้องสิทธ์ของผู้โดนเหยียบย่ำ อย่างหมา จากผู้มีอำนาจ คือคน คล้ายกับการก่อ mop ประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม
รวมๆหนังดูลุ้นและสนุกพอสมควรเลยแหละ

คะแนน  B+






แด่เธอผู้จากไป Solanin

 Solanin 




" แด่เธอผู้จากไป "

(Japan,2010,Takahiro Miki)


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์

สวยงาม มีพลัง และพาฝันมาก แม้จะต้องร้องไห้ระหว่างทาง
ก็ตาม แต่เราก็ยอม
เราไม่ได้ดูหนังของพี่ อาโออิ มิยาซากิ มานานแล้ว ตั้งแต่ Nana , Sukida Virgin snow , Havenly forest และอื่นๆที่ยังนึกไม่ออก เป็นพี่สาวในวงการหนังญี่ปุ่นที่เราชอบมากคนนึง แกแสดงได้มีเสน่ห์ เรารู้สึกถึงรอยยิ้มของพี่แกที่มันมีทั้งความสุข และ ความเศร้าอยู่ในตัว ถ่ายทอดออกมาได้งดงามมากครับ


Solanin ในเรื่องหมายถึง บทเพลงเพื่อการลาจาก ฟังเหมือนอาลัยอาวรเลย แต่ไม่ใช่ มันไม่ขนาดนั้น มันคือคำที่ให้กำลังใจ ในการบอกลาสิ่งเก่าๆแล้วไปเริ่มต้นวันใหม่ที่ดี
พระเอกกับนางเอกอยู่ห้องเช่าโตเกียวเล็กๆ ด้วยกัน ทั้งคู่รักในเสียงเพลง พระเอกมีวงตอนอยู่ชมรม ดนตรี rock สมัยมหาวิทยาลัย จบมาทั้งคู่ก็ทำงานประจำ มันไม่ใช่งานใหญ่หรอกนะ ก็พาเลี้ยงปากและท้องได้ ตามประสาแฟนกันที่จบใหม่ๆ
พวกเขาคิดว่างานที่ทำอยู่จะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงเลยอยากทำวงดนตรีจริงจัง .......................
เรารู้สึกว่าตัวละครพระเอกกับนางเอกกำลังเดินอยู่บนเส้นฟางเล็กๆที่ดูไม่มั่นคง จะขาดแหล่ไม่ขาดแหล่ แต่ก็พร้อมที่จะเสี่ยง

และหนังเรื่องนี้ มันทำให้เราเหมือนได้ย้อนกลับไปดู Nana อีกครั้งจัง เราชอบ mood and tone บรรยากาศ เหงาๆ มาก การต่อสู้ของเด็กวัยรุ่นบ้านนอกตัวเล็กๆ ที่อยากมีฝันที่ยิ่งใหญ่ และพยายามจะไปถึงจุดให้ได้ nana อาจพูดถึงความฝันของนักดนตรีที่เพียบพร้อม จะเป็นวง rock star อยู่แล้ว แต่ solanin นั้นกลายเป็นภาพสานฝันของผู้หญิงวัยรุ่น ล่องลอย ปลิวลม ท่ามกลางเมืองใหญ่อย่างโตเกียวและถ้าเราดูเข้าจริงๆแล้ว นางเอกมันไม่ได้มีความเป็น professในด้านดนตรี มาแต่แรกแล้ว แต่มีความสุขที่ได้ทำ เพื่อคนรัก และเปลี่ยนแปลงตัวเองในการเดินไปข้างหน้าอย่างอย่างมั่นใจ
ปล การดูหนังเรื่องนี้ เหมือนกับการที่ผมได้เล่นดอกไม้ไฟและจุดพลุขั้นบนท้องฟ้า ก่อนจะพบว่าบนฟ้านั้น เต็มไปด้วยประกายไฟที่สวยงามมาก


"ท้องฟ้าในวันนั้นยังคงกว้างใหญ่เกินไปสำหรับเรา  แต่ในวันนี้เราสามารถจะอยู่ในความกว้างใหญ่เหล่านั้นได้ "


คะแนน   A


วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ความเงียบอันมืดดำ The Tribe

 The Tribe   



ความเงียบอันมืดดำ 

(Ukraine ,2014,Myroslav Slaboshpytskyi)



บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์

No voice  over  No subtitle

เราต้องบูชามันในแง่ของความเป็นศิลปะงานภาพยนตร์   เราว่า The tribe คือมิติใหม่ของการชมภาพยนตร์สำหรับเรา 

ภูมิคุ้มกันจากหนังอย่าง toyo sora ทำให้เราสามารถดูหนังเรื่องนี้จนจบได้
หนังอันตรายมาก เราพยายามเก็บ details จากหนังให้ได้เยอะสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ยอมรับว่าไม่หมด เนื่องจากหนังสัญชาติยูเครนเรื่องนี้ ไม่มีแม้แต่บทพูดซักประโยค ไม่มีแม้แต่ soundtrack ประกอบ ทั้งหมดทั้งมวลของหนังถูกลดทอนให้เหลือแค่เสียงของ ambient บรรยากาศ เท่านั้น tokyo sora ของญี่ปุ่น ดูเด็กไปเลยมาเปรียบกับเรื่องนี้ แต่ความประหลาดคือหนังมันสามารถเอาความเงียบเชียบพาคนดูอย่างเราไปถึงจุดได้

ความอันตรายที่ว่านี้คือ สถานการณ์ ตัวละคร ทุกอย่างดูมืดดำไปหมด และไม่น่าไว้วางใจ เราแม่งไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย เราว่าหนังมันดูสดมาก พระเอกเป็นหนุ่มใบ้ที่บุคลิกถ้าดูภายนอกจะดูทึ่มๆ มันมีเหตุการณ์ให้เขาต้องเข้าไปอยู่ในหลุมของพวก อาชญากรรม ความอันตรายต่างๆ การปล้น แก๊งรีดไถ ยาเสพติด รวมไปถึงการตระเวณค้าโสเภนี ซึ่งเป็นกิจกรรมยามดึกของคนพวกนี้ จะเห็นได้จากในหนัง

รวมๆแล้วหนัง kill พวกที่ชอบความแปลกใหม่ ความ violence ต่างๆ หรือพวกคอหนังเทศกาล

คะแนน  A




วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

freelance ฟรีแลนซ์ (เต๋อ นวพล)



 freelance ฟรีแลนซ์ 

(Thailand,2015, เต๋อ นวพล)


บทวิจารณ์ และ วิเคาระห์


เวิ้งว้าง อิสระ และงดงามในแบบหนังของเต๋อ
ทำไมเราถึงบอกเช่นนั้น ปกติเราจะไม่ได้เห็นหนังแบบนี้ใน GTh เป็นแน่ถ้าไม่ใช่งานของเต๋อ นวพล freelance ยังคงผสมสิ่งที่เรียกว่า surrealistic เข้าไปอยู่บ้าง การกระทำที่ดูไม่สมเหตุสมผลในบางฉาก การสมมุติเหตุการณ์บางอย่างขึ้นมา ก่อนที่จะตัดฉากออกมาให้คนดูงงในบางครั้ง เช่น ฉากงานศพในมโน ของ ยุ่น ที่มี พี่โบ และ พี่จ๊อย tk มาร้อง บลาๆๆๆ ก่อนที่จะตัดออกมาว่า ตัวเขาถูกส่งไปโรงพยาบาล และนอนสภาพไม่สู้ดีอยู่บนเตียง แต่ความ surreal อาจจะไม่ได้ล้นปรี่อย่าง marry is happy marry is happy นัก แต่ถึงอย่างไงมันก็คือการตั้งใจของพี่เต๋ออยู่ดี ที่จะให้ออกมาในลักษณะ ดูเลื่อนลอย และแนวๆๆ ในแบบผู้กำกับหนังอินดี้ หนังมีความ real ขึ้นมาจากเรื่องก่อน นั่นอาจจะปรับให้ดู massขึ้นมานิด แต่ก็ยังเป็น indy massอยู่ดี55
ฉากในตอนกลางเรื่อง ในฉากพักร้อนนี่ ยุ่นไปดูพระอาทิตย์ตกดินคนเดียว และไปยืนทำท่าเหมือนจะเซลฟี่กับ รูปปั้นอะไรซักอย่าง ตรงทะเล ทำให้ผมนึกไปถึง ฉากที่ แมรี่ ไปฝรั่งเศสคนเดียว จัง มันให้อารมณ์เวิ้งว้างและอิสระดี จุดนี้เราชอบมาก

จุดที่พีคไปกว่านั้นคือ เพลงทั้งหมดในหนังนั้น มันแนวทางเรามาก ยิ่งตอนที่ intro เพลง รอผล ent ของ ภูมิจิตขึ้นเท่านั้นแหละ เข้ อารมณ์มาจริง และก็อีกหลายๆเพลง
ซึ่งถ้าใครคาดหวังกับความเป็น romantic comedy โลกสวยไรมากก็ละก็บอกเลยว่าไม่ใช่
โดยส่วนตัวเราว่าหนังสนุกและเท่มากก ข้อเสียอย่างเดียว เราแม่งรำคาญเสียงโทรศัพท์ในเรื่องมาก555
เรื่องนักแสดงนี่ไปมา guest surpise สุดคงเป็นพี่โต้ง บรรจง จากพี่มาก พระขโนงยังมา เล่นเป็นคุณหมอหน้าตาย
ปล พี่บอล scrubb ของผม เรื่องนี้โหดและนิสัยไม่ดีเอาซะเลย 555
สุดท้ายอยากบอกจากใจ ผมยังคงรอคอยหนังดีๆจากพี่เต๋อ ต่อไป รีบทำหนังเรื่องที่ 5 ด่วน

คะแนน A

พระอาทิตย์ยังคงงดงามเสมอ ทุกครั้งที่มอง Always sunset on third street 1

Always sunset on  third  street 




"พระอาทิตย์ยังคงงดงามเสมอ ทุกครั้งที่มอง"

(Japan,2005, Takashi  Yamasaki)


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


กลับมาพร้อมกับหนังญี่ปุ่น จะว่าไปเรื่องนี้มันนานมากแล้วครับ ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้ดู  แล้วก็ประทับใจมาก  คิดในใจทำไมไม่ดูแต่ตอนนั้นวะไปอยู่ไหนมา  
     
ไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายหนังญี่ปุ่นสุดคลาสสิคเรื่องนี้ นอกจากจะบอกว่า สวยงามทุกอณูจริงๆครับ ไล่ตั้งแต่ story ยันไปจนถึงตัวละครทุกตัว เพลงประกอบ ทุกอย่างมันดูมีชีวิตไปหมด เป็นภาพรวามของโตเกียวที่กำลังจะเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบ ไปด้วยความหวัง และความฝันของผู้คน

ปล ฉากนี้เป็นฉากที่คนในหมู่บ้านรวมตัวกันดูทีวีซึ่งเป็นทีวีเครื่องแรกของหมู่บ้านคุณซูซูกิเราพีคมาก 
  
always ทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ ได้เข้าไปวิ่งเล่นบนถนนเส้นนั้น ได้ไปเห็นชีวิตของผู้คนญี่ปุ่นช่วงยุค 2501 ช่วงที่ตึกรามบ้านช่องกำลังจะพัฒนา สมัยที่ยังมีรถราง ร้านซ่อมรถเล็กๆ ร้านขายของชำขนาดไม่ใหญ่ ผู้คนในเมืองที่อาศัยเหมือนครอบครัวจริงๆ ทุกคนช่วยเหลือ เหมือนภาพชนบทที่แสนอบอุ่นอยู่ในฉากหลังของเมืองโตเกียว ทำให้เรากลับไปคิดว่า ถ้าเกิดคนในเมืองเป็นเหมือนยุคก่อนนั้นน่าจะดี แต่อย่างไรเสียชีวิตของผู้คนรวมไปถึงเมือง บ้านก็ต้องพัฒนาอยู่ดี รวมไปถึงการเข้ามาของ เทคโนโลยี่ เครืองใช้ไฟฟ้าต่างๆ ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า หนังเรื่องนี้ยังทำให้ผมได้มองชีวิตผู้คนตัวเล็กๆ ที่กำลังเดิน กำลังสร้างความหวังไปด้วยกัน คล้ายๆกับ ดอกไม้เล็กๆที่กำลังผลิบานอยู่ในสวนสวยๆ อย่างไงอย่างนั้นเลย
เราชอบตัวละครทุกตัวในเรื่องจริงๆ ถ้าขาดตัวใดตัวหนึงเสียคงจะไม่เป็น always ที่สมบูรณ์แบบแน่

" ถึงแม่ว่าถนนเส้นนี้อาจจะไม่ได้โรยไปด้วยความสุขหรือความหวังทั้งหมด มันอาจจะดูสิ่้นหวัง ลำบากบ้าง ผมเชื่อวาทุกคนบนถนนเส้นนี้พร้อมที่จะเดินทางไปด้วยกัน ขอแค่มองมา ณที่แห่งนี้ พระอาทิตย์แห่งความหวังยังคงงดงามเสมอ "

คะแนน  A+