Extremely Loud and Incredibly
(U.S,2011,Stephen Daldry )
บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์
โหมันเจ็บปวดมากครับ คล้ายๆกับตอนเราดู The kid with bike หนังเบลเยี่ยมเรื่องนั้นเลยเรื่องของ เด็กชายคนหนึ่งตามหาพ่อด้วยจักรยาน ด้วยความหวังที่ริบหรี่ มาถึงหนังที่ผมเพิ่งได้ดูไปเมื่อคืนคือ extremely loud and incredibly close นั้นโทนใกล้กันมาก แต่มันดูสดใสกว่าหน่อยนะ เพราเด็กน้อยในเรื่องยังมีแม่จริงๆ
เราว่าหนังนั้นทะเยอทะยานดีในการเล่าประเด็น เรื่องของการเติบโตของเด็กคนหนึ่งที่ผ่านห้วงวัย ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ รวมไปถึงผู้คนมากมายที่เด็กคนนี้ไปประสบพบเจอ แม้ทางที่มันเดินนั้นจะสาหัสขนาดไหน เด็กคนหนึ่งที่วันหนึ่งพ่อมันตายไปจาก เหตุการณ์ 11 กันยายน ตึก world trade โดนถล่มจากเครื่องบิน และพยายามที่จะรู้ให้ได้ว่าทำไมมันถึงเกิด ใครทำ เพราะอะไร ถึงแม้ว่าโลกของผู้ใหญ่ อย่างแม่เขาจะรู้ดี และปล่อยให้มันสิ้นสุดไปแบบนั้น แต่ด้วยโลกของเด็กทำให้เขาเชื่ออีกอย่างหนึ่ง เราต้องค้นหาคำตอบให้อย่างดีที่สุด เราเลยกลับมาคิดว่า ตัวละครเด็กในหนัง สารที่หนังต้องการสื่อสารกับคนดู มันดูผู้ใหญ่มากนะ
Rationalism (ทฤษฎีเหตุผลนิยม)
มนุษย์เราเชื่อว่าสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดคือ ความรู้ การหาเหตุผลไปสู่ผลลัพธ์เท่านั้น ที่จะทำให้ได้ความจริงที่กระจ่างนั่นแหละคือความรู้
ในหนังก่อนพ่อจะจากเด็กคนนี้ไป พ่อเขาจะสอนให้ลูกเรียนรู้การหาคำตอบสิ่งที่เป็นปริศนา ทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนี้ล้วนมีเหตุและมีผล สอนให้ค้นหาเมือง สอนให้รู้จักการเดินทาง ผมชอบประโยคหนึ่งที่พ่อเขาทิ้งท้ายว่า
“ อย่าหยุดค้นหา “ แม้ว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบไหนก็ต้องหาคำตอบจากคำถาม เหมือนกับอีกประโยคที่บอกว่า “เรารู้ความจริงที่แสนเจ็บปวดยังดีกว่ารู้ความจริงที่ว่างเปล่า” หนังมันสอนตรงนี้เราดีมาก “ถ้าไม่เดินทางเราก็จะไม่มีวันเติบโต “ เราจะไม่รู้เลยว่าผู้คนต่างๆบนโลกนี้ บางครั้งเขารู้สึกแบบไหน เขาอาจจะเดินทางหาคำตอบเหมือนกับเราอยู่ก็ได้ ระยะทางก็อาจแตกต่างกันไป แต่ทุกคนนั้นเดินหาคำตอบอยู่ ผมเชื่อแบบนั้นครับ ซึ่งเราชอบสารในหนังเรื่องนี้มาก
สิ่งที่เราสะเทือนใจในหนังทุกเรื่องที่เราดูคือ การแทนเอาตัวเราไปอยู่ในเหตุการณ์ ถ้าแบบนี้มั่ง กูจะเป็นแบบไหน ซึ่งโมงยามการสูญเสียใครคนหนึ่งที่เรารัก รู้เลยว่ามันจะแตกสลายขนาดไหน ซึ่งหนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นครับ สรุปดูหนังเรื่องนี้เราได้เติบโตไปกับตัวละครเด็กชายไปด้วย
“ เพราะคำถามทำให้เราต้องค้นหา ถึงแม้ที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไรสิ่งที่ทำได้คือการเดินต่อไป
ในหนังก่อนพ่อจะจากเด็กคนนี้ไป พ่อเขาจะสอนให้ลูกเรียนรู้การหาคำตอบสิ่งที่เป็นปริศนา ทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนี้ล้วนมีเหตุและมีผล สอนให้ค้นหาเมือง สอนให้รู้จักการเดินทาง ผมชอบประโยคหนึ่งที่พ่อเขาทิ้งท้ายว่า
“ อย่าหยุดค้นหา “ แม้ว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบไหนก็ต้องหาคำตอบจากคำถาม เหมือนกับอีกประโยคที่บอกว่า “เรารู้ความจริงที่แสนเจ็บปวดยังดีกว่ารู้ความจริงที่ว่างเปล่า” หนังมันสอนตรงนี้เราดีมาก “ถ้าไม่เดินทางเราก็จะไม่มีวันเติบโต “ เราจะไม่รู้เลยว่าผู้คนต่างๆบนโลกนี้ บางครั้งเขารู้สึกแบบไหน เขาอาจจะเดินทางหาคำตอบเหมือนกับเราอยู่ก็ได้ ระยะทางก็อาจแตกต่างกันไป แต่ทุกคนนั้นเดินหาคำตอบอยู่ ผมเชื่อแบบนั้นครับ ซึ่งเราชอบสารในหนังเรื่องนี้มาก
สิ่งที่เราสะเทือนใจในหนังทุกเรื่องที่เราดูคือ การแทนเอาตัวเราไปอยู่ในเหตุการณ์ ถ้าแบบนี้มั่ง กูจะเป็นแบบไหน ซึ่งโมงยามการสูญเสียใครคนหนึ่งที่เรารัก รู้เลยว่ามันจะแตกสลายขนาดไหน ซึ่งหนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นครับ สรุปดูหนังเรื่องนี้เราได้เติบโตไปกับตัวละครเด็กชายไปด้วย
“ เพราะคำถามทำให้เราต้องค้นหา ถึงแม้ที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไรสิ่งที่ทำได้คือการเดินต่อไป
ระดับความชอบ B
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น