วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ถ้าเราไม่เดินทาง เราก็จะไม่เติบโต " Extremely Loud and Incredibly

      Extremely Loud and Incredibly 


(U.S,2011,Stephen Daldry )


บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์

โหมันเจ็บปวดมากครับ คล้ายๆกับตอนเราดู The kid with bike หนังเบลเยี่ยมเรื่องนั้นเลยเรื่องของ เด็กชายคนหนึ่งตามหาพ่อด้วยจักรยาน ด้วยความหวังที่ริบหรี่ มาถึงหนังที่ผมเพิ่งได้ดูไปเมื่อคืนคือ extremely loud and incredibly close นั้นโทนใกล้กันมาก แต่มันดูสดใสกว่าหน่อยนะ เพราเด็กน้อยในเรื่องยังมีแม่จริงๆ 

เราว่าหนังนั้นทะเยอทะยานดีในการเล่าประเด็น เรื่องของการเติบโตของเด็กคนหนึ่งที่ผ่านห้วงวัย ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ รวมไปถึงผู้คนมากมายที่เด็กคนนี้ไปประสบพบเจอ แม้ทางที่มันเดินนั้นจะสาหัสขนาดไหน เด็กคนหนึ่งที่วันหนึ่งพ่อมันตายไปจาก เหตุการณ์ 11 กันยายน ตึก world trade โดนถล่มจากเครื่องบิน และพยายามที่จะรู้ให้ได้ว่าทำไมมันถึงเกิด ใครทำ เพราะอะไร ถึงแม้ว่าโลกของผู้ใหญ่ อย่างแม่เขาจะรู้ดี และปล่อยให้มันสิ้นสุดไปแบบนั้น แต่ด้วยโลกของเด็กทำให้เขาเชื่ออีกอย่างหนึ่ง เราต้องค้นหาคำตอบให้อย่างดีที่สุด เราเลยกลับมาคิดว่า ตัวละครเด็กในหนัง สารที่หนังต้องการสื่อสารกับคนดู มันดูผู้ใหญ่มากนะ

Rationalism (ทฤษฎีเหตุผลนิยม)

มนุษย์เราเชื่อว่าสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดคือ ความรู้ การหาเหตุผลไปสู่ผลลัพธ์เท่านั้น ที่จะทำให้ได้ความจริงที่กระจ่างนั่นแหละคือความรู้
ในหนังก่อนพ่อจะจากเด็กคนนี้ไป พ่อเขาจะสอนให้ลูกเรียนรู้การหาคำตอบสิ่งที่เป็นปริศนา ทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนี้ล้วนมีเหตุและมีผล สอนให้ค้นหาเมือง สอนให้รู้จักการเดินทาง ผมชอบประโยคหนึ่งที่พ่อเขาทิ้งท้ายว่า
“ อย่าหยุดค้นหา “ แม้ว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบไหนก็ต้องหาคำตอบจากคำถาม เหมือนกับอีกประโยคที่บอกว่า “เรารู้ความจริงที่แสนเจ็บปวดยังดีกว่ารู้ความจริงที่ว่างเปล่า” หนังมันสอนตรงนี้เราดีมาก “ถ้าไม่เดินทางเราก็จะไม่มีวันเติบโต “ เราจะไม่รู้เลยว่าผู้คนต่างๆบนโลกนี้ บางครั้งเขารู้สึกแบบไหน เขาอาจจะเดินทางหาคำตอบเหมือนกับเราอยู่ก็ได้ ระยะทางก็อาจแตกต่างกันไป แต่ทุกคนนั้นเดินหาคำตอบอยู่ ผมเชื่อแบบนั้นครับ ซึ่งเราชอบสารในหนังเรื่องนี้มาก
สิ่งที่เราสะเทือนใจในหนังทุกเรื่องที่เราดูคือ การแทนเอาตัวเราไปอยู่ในเหตุการณ์ ถ้าแบบนี้มั่ง กูจะเป็นแบบไหน ซึ่งโมงยามการสูญเสียใครคนหนึ่งที่เรารัก รู้เลยว่ามันจะแตกสลายขนาดไหน ซึ่งหนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นครับ สรุปดูหนังเรื่องนี้เราได้เติบโตไปกับตัวละครเด็กชายไปด้วย
“ เพราะคำถามทำให้เราต้องค้นหา ถึงแม้ที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไรสิ่งที่ทำได้คือการเดินต่อไป



ระดับความชอบ B



วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

" ครอบครัวบาปหนา "The Witch


The Witch 

                                                              
                                                                  

(U.K,2016, Robert Eggers)



บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


   " ครอบครัวบาปหนา "

หนังน่ากลัวสัส ฉาก climax นี่พีค ภาพติดตาเลย คงจะเป็นฉากที่ผมคิดว่า จะจดจำในประสบการณ์การดูหนังไปอีกนาน
Ambient มาเป็นระยะแต่คุกคามเราดีจัง เสียงโหยหวนนี่สุดตีน
เราว่าบรรยากาศต้องให้มันนะสำหรับ the witch เนี่ย องค์ประกอบศิลป์ต่างๆ ยอดเยี่ยมเลย ความรกร้างของสถานที่ช่วยได้มากก


เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวบาบหนาผมเชื่อแบบนั้นนะ เพราะถูกสำนักคริสตจักรขับไล่ออกจากเมือง จึงต้องมาตั้งรกรากใน ดินแดนอันไกลโพ้น กลางป่าเขา ครอบครัวเลี้ยงแพะ เด็กคนเล็กไอ้แฝดนรกที่สามารถร้องเพลงติดต่อกับแพะได้ แม่งหลอนตั้งแต่เด็กแฝดนี่และ แพะ = สัตว์มีเขาที่ถูกมองว่ามันคือซาตานที่อยู่ตรงข้ามกับพระเจ้า มันจึงมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นกับครอบครัวนี้

เราว่าข้อดีของหนัง honor ตำนานแม่มดพื้นบ้านเรื่องนี้อยู่ตรง การเคารพความเงียบของบรรยกาศ บรรยกาศความน่ากลัวที่ซุกซ่อนไม่ให้เรามองเห็น ปกติถ้าดูหนังผี หรือ แนวนี้ต้องเต็มไปด้วย ปีศาจร้าย ตัวผี ออกมาเยอะๆ โพล่งพล่าง แต่ the witch เราว่าหนังมันใช้ความไม่ชอบมาพากลในสถานที่ สัตว์ต่างๆ การกดดันคนดูด้วยการที่ตัวละครถูกสาปส่งด้วยความชั่วร้ายของธรรมชาติ ครอบครัวไล่ฆ่า เล่นงานกันเองต่างก็ไม่มีใครไว้ใจใคร คิดว่ามี
แม่มดมาสิง มันเจ๋งตรงนี้

ทุกคนในครอบครัวมีบาปติดตัวด้วยกันหมด

1. ลูกสาวคนโต สารภาพบาปตอนแรกว่า เธอไม่ดีแบบนั้นแบบนี้ ในหนังเราจะเห็น
2. น้องชาย จอมหื่น มันมีกิเลศตัณหาในกามอารม แอบดูนมพี่สาวตัวเอง เปรตจริงๆ สุดท้ายกามกิเลศบังตา แม่มดมาเอาตัวไป
3. พ่อ มีบาปในเรื่องของความเย่อหยิ่ง เห็นผิดเป็นชอบ
4. แม่มีบาปคือ การไม่ยอมตัดขาดจากความทุกข์ หวงสิ่งของทั้งที่มันไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตมาก ทำให้คนในครอบครัวเป็นทุกข์ไปด้วย ในเรื่องคือ การหายตัวไปของลููกชายคนเล็กอันนี้พอเห็นใจ และ ถ้วยเงิน อันหลังจะบ้ารึ ! เอามาเป็นปัญหาโลกแตก
5 เด็กแฝด มีบาปในเรื่องของการติดต่อกับแพะ หมกมุ่นอยู่กับความช่วยร้าย ร้องเพลงไร้สาระไปวันๆ
ตัวละครทั้งหมดวนเวียนอยู่กับ sin (บาป) สุดท้ายก็เจอเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

ความหลอน มันเล่นแต่ละทีทำเราสะดุ้งโหยง เราว่าหนังมันไม่ใช้ ความน่ากลัวเปลือง ออกมาแต่ละครั้งก็เอาให้เราตายไปข้าง ฉากแม่กับลูกสาวนี่สะเทือนใจสัส หนังมันเอาขนาดนี้เลยเหรออ รวมถึงฉากสุดท้ายย อื้อหือ ..............

ไม่อยากพูดไรมากครับ อยากให้ไปดูมากก เจ๋งงงง

ระดับความชอบ A

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

" หน้าต่างบานแรก " An education

An education



(U.K,2009,,   Lone Scherfig)


" หน้าต่างบานแรก "



บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


หนังเคยเข้าชิงออสการ์ในสาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยมเมื่อปี 2009
ว่าด้วยเรื่องของ อีเด็กสาวไฮสคูลผู้ร่าเริงวันนึงโลกของเธอเปลี่ยนไปเมื่อพบกับ ชายหนุ่มวัยกลางคน เธอหลงไหลไปกับเขา .......

ถือเป็นหนังรัก coming of age ที่ทำออกมาได้งดงามมหาศาล เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของ ตัวละครเด็กสาวที่เริ่มจะถลำลึกเข้าไปในโลกของผู้ใหญ่ พูดง่ายๆหนังเรื่องนี้คือ หนังที่ว่าด้วยความรักในวัยเรียน เรียนไปปวดหัว มีผัวดีกว่า อารมณประมาณนั้น สิ่งที่หนังนั้นทำและถ่ายทอดออกมาได้อย่างเข้าถึงอารมณ์ตัวละคร เราเห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้าน ความคิด ของเธอ การหมกมุ่นอยู่กับโลกอันแสนโสภา วัตถุสิ่งหรูหรา การฟังดนตรีฝรั่งเศส การอ่านวรรณกรรมคลาสสิค หรือ การมีรสนิยมที่ฟู่ฟ่าใช้ของนอก การรังเกียจชีวิตธรรมดาที่บ้านเกิด เธอบอกเรียนจบมามีงานทำแล้วไงต่อ ? สู้จับผช รวยๆแต่งงาน ไปเป็นเจ้าหญิงในปารีสไม่ดีกว่าเหรอ เมืองนี้ไม่น่าอยู่ ไม่มีศิลปะชั้นสูง มีแต่เรียน เรียน และก็เรียน
สิ่งโสภาหลอกลวงพวกนี้กำลังพาเด็กสาวธรรมดาให้เดินหลงทางอยู่ ฉากที่ผมชอบมาก ตอน เจนี่ นั้นเข้าไปฟังเพลง You've Got Me Wrapped Around Your Little Finger ในงานคอนเสริตเพลงคลาสสิค นี่แสดงถึง การที่เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์และกำลังล่องลอยปลิดปลิวไปกับเขา


นอกจากหนังนั้นยังสอนชีวิตเด็กวัยรุ่นที่หลงทางแล้วนั้น ยังสะท้อนคุณค่าการวางตัวเป็นกุลสตรี ในหนังบอกว่า ถ้าเกิดสวยแต่โง่ไม่มีใบปริญาตรี ไม่มีความรู้ ผู้ชายคนไหนจะเห็นค่าจริงๆ อย่างกับประโยคสุดคลาสิคที่คนชอบพูดกันว่า "เจ้าชายมีแค่ในนิยาย" นี่มันโลกความจริงตื่นเถอะ เจนนี่
เรื่ององค์ประกอบงานศิลป์นี่ไม่ต้องพูดถึง ฉากริมน้ำที่ปารีสนั้นสวยงามมุ๊งมิ๊งสุดๆไปเลย หนังนั้นค่อนข้างใส่ใจทำออกมาได้อย่างดูปราณีต คล้ายๆการอ่านวรรณกรรมเรื่องรักใคร่อันผิดทางของเด็กหญิง ก่อนจะรู้ว่าอีกที่ว่า หน้าต่างบานแรกที่เธอได้ลองเปิดไปมันไม่ใช่สิ่งสวยงามอย่างที่เธอเคยคิด แต่หน้าต่างบานนั้นก็เป็นเหมือนบทเรียนราคาแพงที่สอนชีวิตให้กับเธอ ก่อนที่เด็กสาวจะก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ไปเจอโลกอะไรอีกมากมาย


ปล แครี่ มุลิแกน เจ๊แกถ่ายทอดอารมณ์สีหน้าแวตาได้เทพมากก อินมากกก
โดยรวมเป็นหนัง coming of age ที่ผมคาราวะมากกก


ระดับความชอบ A