วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ความหิวโหยผู้ซึ่งไม่เคยจากฉันไปไหน Gave of fireflies

The Gave of fireflies



เสียงเรียกหา และน้ำตาของหิ่งห้อย  

ความหิวโหยผู้ซึ่งไม่เคยจากฉันไปไหน   

ฉันเดินต่อไปและต่อไปเรื่อย 



บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนต์


วันนี้ผมจะมาแนะนำ อนิเมชั่นญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง ครับ  เจ้าของรางวัลเวทีต่างประเทศ หนึ่งในงานของ Gibi studio ค่ายหนังอิเมชั่นชั้นดีของญี่ปุ่น ครับ   ปกติไม่ค่อยได้ดูอเนิเมชั่นเท่าไหร่นัก  นานๆจะดูที นับจากเรื่อง Spirited away ก็ไม่ได้ดูเรื่องไรอีกเลยแจนมาถึงเรื่องนี้  


ต้องบอกว่าดูไปก็น้ำตาไหลไปครับ มันซึ้งมาก     Gave of fireflies บอกเล่าเรื่องราวสุดรันทดของ สองพี่น้องที่ต้องต่อสู้กับความหิวโหยในช่วงสงครามโลก  วันหนึ่งเมื่อพวกเขาต้องสูญเสียแม่อันเป็นที่รักไป จากเหตุการณ์เครื่องบินวางระเบิด ทำให้พวกเขาสูญสิ้นทุกอย่าง แม้แต่ที่อยู่อาศัย ทำให้พวกเขาต้องระหกระเหินเร่ร่อน และพบเจอชะตากรรมที่โหดร้ายในโลกของความหิวโหย





จะบอกว่านี่มัน nobody knows ฉบับการตูนก็ว่าได้ครับ ที่จบออกมาแล้วหดหู่เหลือเกิน   จะมากกว่าด้วยซ้ำ   


ในภาวะสงคราม ข้าว อาหารดูเหมือนจจะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก  ป็นสิ่งที่ยังชีพของคนญี่ปุ่นในช่วงนั้น

ในหนังเรื่องนี้นั้นจะเห็นได้ว่า มีเครื่องบินวางระเบิดแทบจะตลอดทั้งเรื่อง ผู้คนมากมายต้องมาตาย เป็นซากศพนับไม่ถ้วน      

ตัวละคร เด็กผู้ชายนั้นต่อสู้ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองและน้องอยู่รอด ขนาดเอากิมิโนสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่จสกแม่ ก็ต้องยอมไปแลกกับข้าวสารอาหารเพื่อที่จะปะทังเขาและน้องไม่ให้อดตาย

สิ่งที่มีอยู่ในหนังนั้นเต็มไปด้วยความหดหู่โหดร้าย  ผู้คนที่ดูเหมือนจะไม่เป็นมิตร ไม่ว่าจะเป็นป้าแท้ๆ คนรอบข้าง  หรือแม้กระทั่ง เกษตรกร ที่อยู่ในละแวกสุานหิ่งห้อย  

สิ่งที่ผมชอบคือการตูนอนเมชั่นนี้เรื่องนี้นั้น ทำออกมาภาพสวยมาก  
ความรักของพี่น้องที่ดูเหมือนจะสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด       

ฉากที่น้องสาวนอนกอดผลแตงโมมันช่างรัดทดซะเหลือเกิน

ป้าเรื่องนี้ใจร้ายมากครับ    

กล่องลูกกวาดของน้องสาวดูเหมือนจะสิ่งของประจำเรื่องราว






ระดับความหม่น 9/10
เนื้อเรื่อง 8/10
งานด้านภาพ 9/10
ตัวละคร 8/10


คะแนนความชอบ  8.5 / 10






วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อุ่นไอรัก ilo ilo

             ILO LIO  



(Singapore,2013,Anthony Chen)




บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์



บทความนี้ไม่สปอย์เนื้อหาสามารถอ่านได้ครับ

ห่่างหายไปกับการเขียนบล๊อกหนังมาเกือบครึ่งปี ไม่ค่อยมีเวลา หนังก็ไม่ค่อยได้ดู  แต่ยังมีหนังที่ดูแล้วยังอยู่ใน stock และไม่ได้เขียนถึงอยู่พอสมควร ซึ่งผมจะทยอยเขียนละกัน  วันนี้ผมจะมาแนะนำหนังอินดี้สิงคโปร์เจ้าของรางวัลเวนิซ  นั่นก็คือ    ILO ILO  ซึ่งเพิ่งจะได้มีโอกาสได้ดูก็เมื่อสองวันก่อนนี้เอง                                                                                                                                   

ILO LIO   อิโล่ อิโล่ ชื่อหนังแสนแปลกประหลาดเรื่องนี้เป็น หนังดราม่าชั้นดีจากสิงคโปร์ครับ  ผมเคยอ่านเจอบทวิจารณ์และบทรีวิวของหนังเรื่องนี้ในนิตยสาร bioscope ฉบับหนึ่งเมื่อหลายเดือนที่แล้ว และได้เขียนถึงหนังเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ  ก่อนที่หนังจะเข้าฉาย ผมจึงไม่รีรอรีบไปหามาดูทันทีหลังจากนั้น  และไม่คาดคิดว่าหนังจะมีแบบพากย์ไทยโดยไม่ต้องลำบากมานั่งแปลซับเลย  ในที่สุดก็ได้ครอบบครองหนังเรื่องนี้ครับ   ตอนแรกผมนึกว่าเป็นผลงานล่าสุดของ eric koo ผู้กำกับสิงคโปร์ที่เคยทำหนังอย่าง be with me เมื่อปี 2005 มาแล้วแต่กลับไม่ใช่  เอาละครับ มาพูดถึงภาพโดยรวมของหนังถือว่าเป็นหนัง family drama ที่ดูแล้วเพลินเลยทีเดียว ก่อนหน้านั้นผมแอบคิดว่าหนังจะออกมาในสภาพหดหู่ มากนัก แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ เรื่อยๆ จะสว่างก็ไม่เชิง  อยู่ในระดับหม่นแบบเบาๆ  

ว่าด้วยเรื่องของหญิงสาวฟิลิปินส์ที่เข้ามาทำงานในสิงคโปร์ มาเป็นคนรับใช้ของครอบครัวคนจีนที่อยู่ในสิงคโปร์    แถมยังมาเป็นพี่เลี้ยงของเด็กดื้อประจำบ้าน  มิตรภาพต่างวัย ต่างเชื้อชาติจึงเกิดขึ้น

หนังยังพูดไปถึงเรื่องของสภาพเศรษฐกิจของสิงคโปร์ที่อยู่ในช่วงทรุดตัว  สภาพความเป็นไปและจิตใจของคนในครอบครัวที่ดูเหมือนว่าจะไม่ดีเอาซะเลย  เมื่อเจอเรื่องของการเงินลุ้มเล้า ครอบครัวมีปัญหา พ่อแม่เถียงกัน แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนมาจากปัจจัยบังคับ สภาพความกดดัน   การตกงานของคนในครอบครัว    ต่างๆ ทำให้ความอบอุ่นมันหายไป    ถ้าใครเคยดูหนัง tokyo sonata หนังปัญหาครอบครัวของญี่ปุ่น จะสภาพคล้ายๆกันเพียงแต่นั่นมันมาจากปัจจัยแค่ ผู้นำครอบครัวที่บกพร่อง แต่เรื่องนี้มันมาจากปัญหาเศรษฐกิจ     
      

สิ่งที่ชอบคือ  ความเป็นธรรมชาติของหนัง  ซึ่งทำออกมาได้ดีทีเดียว   หนังที่ไม่ใช้เพลงประกอบฉาก แต่เน้นไปถึงอารมณ์ของตัวละคร     

เด็กในเรื่องดื้อสุดๆ (ในตอนแรก)  พอหลังจากนั้น เป็นเด็กที่น่าสงสารและน่ารักคนหนึ่ง


อย่างที่ผมบอกไปมันไม่ใช่หนังหดหู่มากนัก แต่มันเป็นหนังครอบครัวที่ดูได้เรื่อยๆพอที่จะให้คนดูอมยิ้มอยู่บ้าง   


ปล ถ้าใครนึกอยากดูหนังครอบครัวๆ เพลินๆ ผมแนะนำเรื่องนี้ครับ   

คะแนน  B+