วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

คำอธิษฐานอันแสงไร้เดียงสา I wish

                                                                                 I wish   


                                                   



                                         
   
"คำอธิษฐานอันแสงไร้เดียงสา "

 (Japan,2011, Koreada)



บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์

ความหวังเล็กๆของเด็กชายทั้งสองที่จะให้ครอบครัวกลับมาอยู่ด้วยกันดังเดิม  แต่ดูเหมือนจะเลือนลาง
            ภาพของเด็กๆวิ่งเล่นกัน ทำให้ภาพความทรงจำในวัยเด็กของผมผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
จนแล้วจนเล่า ในที่สุดผมก็ได้ดูหนังเรื่อง I wish   จนได้ เมื่อดูจบต้องบอกเลยว่าไม่ทำให้ผมผิดหวัง รู้สึกชอบหนังเรื่องนี้มาก หนังดีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวหรือ ฉากมุมกล้องทำได้สวยงามและน่าสนใจจริงๆ ทำให้นึกถึงหนังเด็กๆเรื่อง Nobody knows แต่กลับว่าเนื้อเรื่องจะหดหู่น้อยกว่ามากพอสมควร หนังจะอยู่ในโหมดสว่าง แต่ไม่สุด ถ้าเปรียบเป็นสีก็จะออกจางๆหน่อย ไม่ถึงกลับมืดทึบ  เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ หนังเล่าถึงเรื่องราวของ คำอธิษฐานของเด็กๆ โดยตัวหนังมุ่งไปยัง สองพี่น้องที่แยกกันอยู่เนื่องจากปัญหาทางครอบครัว อาจจะเป็นที่พ่อแม่ทะเลาะกัน ลูกชายคนโตอยู่กับแม่ ส่วนคนเล็กอยู่กับพ่อ เนื่องจากคนเล็กมีนิสัยคล้ายๆกับพ่อของเขา รักสนุก ไม่ค่อยคิดอะไรมาก ซึ่งต่างจากพี่ชายที่ค่อนข้างห่วงเรื่องครอบครัว
ทั้งสองต้องการให้ครอบครัวกลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง จึงตั้งคำอธิษฐานโดยการนัดเจอกันที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง เพื่อต้องการเห็นรถไฟวิ่งสวนกันแล้วให้อธิษฐาน ไม่ก็ต้องการเห็นภูเขาไฟระเบิดเพื่อที่สิ่งที่พวกเขาขอจะได้เป็นจริง    นักแสดงสองพี่น้องโดยเฉพาะคนพี่ถ่ายทอดสีหน้าทางแววตาได้ดีมาก
สัญลักษณ์ต่างๆที่พวกเขาจะสื่อในเรื่องของปาติหาร ไม่ว่าจะเป็น ภาพวาดรถไฟวิ่งสวนกัน หรือแม้กระทั่ง รูประบายสีภูเขาไฟระเบิดที่พวกเขาวาดมันขึ้นมา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความหวังเล็กๆของเด็กทั้งนั้น


ผมชอบฉากที่พี่ชายนั่งรถไฟตอนกลางคืนแล้วมองออกไปยังหน้าต่าง แล้วมีแสงต่างๆ ฉากนั้นทำให้ผมรู้สึกหวิวๆใจไงชอบกล มันจะเป็นความรู้สึกที่เหงาๆเคว้งๆ บอกไม่ถูก  ส่วนความน่ารักของน้องชายก็ถือว่าทำได้ดี รวมไปถึงเหล่าเพื่อนๆที่มาสร้างสีสันให้กับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก  ภาพของเหล่าเด็กๆวิ่งเล่นกัน มันเป็นอะไรที่สดใสมาก ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปในวัยนั้นอีกครั้ง วิ่งเพื่อที่จะไปทำอะไรซักอย่างกับเพื่อนๆ คงจะเป็นอะไรที่สนุกเอามากๆ
ผมชอบฉากที่พี่ชายบอกน้องชายว่า เขาไม่ได้อธิษฐานขออะไรเลยตอนที่รถไฟวิ่งสวนกัน เพราะเขาเลือกโลกทั้งใบมากกว่าครอบครัว เด็กสองคนอาจจมองหนทางข้างหน้า และ อนาคตสำคัญกว่า เราไม่ควรไปยึดติดกับอะไรทีผ่านไปแล้ว หรือเรื่องราวในอดีต บางครั้งคนเราก็ย่อมจะเอาเวลามาแก้ไขสิ่งที่มันเลยพ้นไป
ทำไมเราไม่มองหนทางข้างหน้าว่าเป็นอย่างไร ชีวิตคุณไม่ได้จบเพียงแค่นี้ ควรมองไปไกลๆ แล้วอนาคตเป็นอย่างไรก็ว่ากันอีกที
ฉากสุดท้ายเป็นฉากที่สองพี่น้องต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน  เด็กทั้งสองกำลังกลับสู่โลกของความเป็นจริงอีกครั้ง  โลกที่หมุนไปข้างหน้า โลกที่แยกพวกเขาให้อยู่กันคนละที่ แต่ยังไงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องมันก็ตัดกันยาก ด้วยความรักและผูกพัน แม้ว่าพวกเขาจะอยู่กันคนละที่ ไงพวกเขาก็คือพี่น้องกัน
I wish   ถือว่าเป็นหนังสำหรับครอบครัวก็ว่าได้  ยิ่งถ้าใครชอบความสดใสของเด็กๆ ผมขอแนะนำเรื่องนี้

คะแนน  A


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น