วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

ดวงดาวดวงน้อยที่ถูกบดบัง Nobody knows



Nobody knows




"  ดวงดาวดวงน้อยที่ถูกบดบัง "  

(Japan,2004, Koreeada)



บทวิจารณ์ และ วิเคราะห์


 เป็นหนังที่สะท้อนสังคม สถาบันครอบครัวได้ดีมากเรื่องนึง  สร้างจากเรื่องจริง   หนังเล่าถึงเด็กๆ 4  คนที่ถูกแม่ของเขาทอดทิ้งให้ใช้ชีวิตในอพาตเมนท์เล็กๆ อย่างลำพัง คิดสิครับเด็กวัยสิบกว่าขวบกับน้องๆอีกสามคน  ต้องดูแลกันโดยไม่มีพ่อและเม่เลย จะลำบากขนาดไหน หนังถือได้ว่าหม่นเกือบทั้งเรื่อง  พี่ชายวัย 13  ขวบต้องทำหน้าที่เป็นเสาหลักของครอบครัวออกไปหาไรกิน เพื่อเลี้ยงปากท้องของน้องทั้งสามคน  ในเรื่องจะเห็นได้ว่าแม่ย้ายข้าวของจากบ้านหลังนึงโดยหอบข้าวของมา พร้อมกระเป๋าใบใหญ่ โดยเอาลูกสามคนไว้ในกระเป๋าปิดแน่น เพื่อไม่ให้ คนในหอรู้เพราะกฏเค๊าห้ามเอาเด็กๆมาเยอะ แม่ยังออกกฎอีกว่าห้ามส่งเสียงดัง ห้ามออกไปไหน ไปได้ก็เฉพาะพี่ชายคนตัวนั้นก็คือพระเอกตัวน้อยของเรื่องเท่านั้น  ทำกับว่าพวกเขาไม่มีตัวตนในโลกใบนี้ ไม่ได้เรียนหนังสือ  ไม่ได้แม้กระทั้งออกไปไหน  ซึ่งตลอดทั้งเรื่องน่าสงสารมาก ผมชอบฉากตอนที่พระเอกแบบพาน้องๆไปเล่นกานที่สวนสนุกเราจะเห็นรอยยิ้มของพวกเขามีความสุขแบบไม่เคยมีมาก่อน
เพราะไม่เคยได้สัมผัสกับอะไรแบบนี้บ่อยนัก  อยู่ก็ต้องหลบๆซ่อนๆ เศร้าครับ


 Nobody knows  ทำเวลาสองชั่วโมงกว่าให้คนดูรู้สึกว่าทำไมหนังมันได้ ดาร์กขนาดนี้  ตลอดทั้งเรื่องก็ว่าได้ ถึงแม้มันจะไม่มีฉากรุนแรง  พ่อแม่ตีเด็กอาจไม่มีให้เห็น แต่มันรุนแรงในด้านการทำร้ายจิตใจ ผมว่าอย่างหลังมันเจ็บปวดมากกว่าอีก  ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งตอนจบของหนังที่ปล่อยให้คนดูกลับไปคิดว่าทิศทางชีวิตอันบัดซบของเด็กๆจะออกมาแบบไหน ให้ผมเดานะไม่นานพวกเขาก็ตาย ถ้ามองโลกในแง่ดีก็อาจไม่ถึงขั้นนั้น  แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องราวแบบนี้มันไม่ควรที่จะปรากฏให้เห็นบนโลกนี้

สถาบันการเลี้ยงดูก็เอาเข้ามาเป็นประเด็นหลักของหนัง ครอบครัวพ่อแม่ที่ไม่ใส่ใจลูก ปล่อยปะละเลย ถ้าเลี้ยงส่งๆมันไม่เท่าไหร่ แต่นี่เล่นทิ้งให้อยู่ตามลำพังแบบไม่เลี้ยงเลย และก็ไม่กลับมา แถมลูกก็ยังเล็กๆกันอยู่   ผมมองว่ามันน่าจะมีมาตรการการลงโทษจริงจังอย่างเด็ดขาด  โดยพ่อแม่บางคนก็อ้างว่าไม่พร้อมที่จะเลี้ยงลูก  เด็กเกินไป แต่มาคิดในมุมกลับกันทำไมพวกเขาไม่คิดก่อนที่จะปล่อยให้มีลูก


จากหนังเรื่องนี้ตัวละคร 4 พี่น้องดูเหมือนจะมีสิ่งที่พวกเขาอยากได้ และความฝันที่แตกต่างกันไป  แต่เหมือนความฝันดูแล้วจะเป็นแค่เพียงภาพวาดในจินตนาการที่เลือนลาง

Nobody knows   คงไม่ใช่ตัวแทนของความสว่างของเด็กๆ  แต่มันเหมือนความมืดมิด


 เขาบอกไว้ว่า " เด็กๆเปรียบเหมือนกับดวงดาวน้อยๆที่คอยฉายแสงบนท้องฟ้า หากแต่จันทรามาบดบังทำให้แสงของดวงดาวหมดไป
แล้วมันจะมีค่าอะไรเมื่อท้องฟ้าไม่มีดวงดาวเหล่านั้น" 



ระดับความชอบ B+


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น